โค๊ก ถือเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมทั่วโลก
จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่คนมักจะดื่มโค๊กและดูว่ากระป๋องละเท่าไรเพื่อสอดส่องว่าค่าครองชีพในประเทศนั้นๆ สูงมากแค่ไหน
โดยเฉลี่ยโค๊กในประเทศไทยตกกระป๋องละราวๆ 15 บาท
ถ้าในเกาหลีใต้และญี่ปุ่น เฉลี่ยกระป๋องละ 35-49 บาท
ในอเมริกาอาจจะตกกระป๋องละ 0.75 เซนต์ ไปจนถึง 1 ดอลล่าร์ หรือราวๆ กระป๋องละ 30 บาท
แต่ถ้าเราบอกว่าโค๊ก "ที่นี้" ขายกระป๋อง ละ 500 บาท อาจจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อ
แต่มันได้เกิดขึ้นจริงแล้วในเกาะเล็กๆแห่งหนึ่งของประเทศสเปนที่มีชื่อว่า "Ibiza" (อีบีซา)
"อีบีซา" ถูกค้นพบครั้งแรกในช่วงทศวรรษ 1960 ซึ่งไม่ได้มีความสลักสำคัญอะไรมากนัก
แต่มาเป็นที่รู้จักจากนักลงทุนชาวบริติช - ออสเตรเลีย ชื่อ โทนี่ ไปค์ (Tony Pike)
เขาได้ก่อสร้างโรงแรมในปี 1980 มาเป็นสวรรค์สำหรับการพักผ่อนสำหรับนักท่องเที่ยวผู้ร่ำรวย
เกาะอีบีซาอยู่ในความดูแลของสเปน ที่ทางรัฐบาลมองว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งที่ดึงดูดชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี
แต่หลังจากการปิดประเทศเพราะวิกฤตโควิด ลุกลามมาถึงวิกฤตพลังงานแพง เงินเฟ้อสูง
ทำให้เกาะแห่งนี้มีเงินเฟ้อสูงถึง 300% ตั้งแต่ช่วงต้นปีมานี้
... โค๊ก 1 กระป๋อง มีราคาสูงถึง 13 ยูโร หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 500 บาท
... เบอร์เกอร์ 1 ชิ้น มีราคาสูงถึง 30 ยูโร หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 1,100 บาท
... เตียงสำหรับการนั่งอาบแดดริมหาดส่วนตัว มีราคาสูงถึง 500 ยูโร หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 18,000 บาท
ถามว่า ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ?
CNBC วิเคราะห์ว่าสาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อในเกาะเล็กๆแห่งนี้พุ่งแรง มีสาเหตุสำคัญ 2 ประการ คือ
1. ปัญหาทางด้านการขนส่ง ราคาน้ำมันแพง ต้นทุนผู้ประกอบการพุ่ง
2. เกิดความต้องการซื้อพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว (Pent Up Demand) หลังการเปิดประเทศ
... การขนส่งสินค้าไปยังเกาะมีต้นทุนที่สูง รวมกับราคาน้ำมันที่แพงขึ้นอย่างมากทำให้ผู้ประกอบการต้องขึ้นราคาอย่างเร่งด่วน
อีกทั้งหลังการเปิดประเทศสเปนให้ชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวได้ และยังเป็น High Season จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางกันเข้ามามหาศาล เพื่อหาประสบการณ์ท่องเที่ยวกลางคืนที่ไม่ได้ทำมานานกว่า 2 ปี
เรื่องที่น่าแปลก คือ ถึงแม้ว่าสินค้าจะราคาสูงขึ้นมาก แต่ผู้บริโภคก็เต็มใจที่จะจ่าย ?
สาเหตุเป็นเพราะว่าเกาะอีบีซา อยู่ในตำแหน่งทางการท่องเที่ยวประเภท "Luxury" หรือการท่องเที่ยวระดับหรู
ดังนั้น นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวจึงเป็นคนร่ำรวยที่ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน หรือมีปัญหากับข้าวของราคาแพง พวกเขาสามารถจ่ายได้เพื่อซื้อประสบการณ์ในการอยู่บนเกาะที่ได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน 3 ของโลกทางด้านการท่องเที่ยวกลางคืน (Nighlife)
---------------------------------------------------
Reference
CNBC
blacktomato.com
forbes.com