มาเป็นชุดเลยครับ คราวนี้ถึงตาลุง จอร์จ โซรอส (อดีตผู้ทุบเงินบาทจนยับเยินเมื่อครั้งต้มยำกุ้ง ถ้ายังจำกันได้) ออกมาพูดวันนี้ว่า เขาเริ่มมีความรู้สึกว่าสถานะการเศรษฐกิจโลกตอนนี้ คล้ายๆกับจุดเริ่มวิกฤตทางการเงินเมื่อปี 2008 มาก
คำพูดนี้เกิดขึ้นหลังจากที่เห็นเขาเห็นชัดว่า ประเทศจีนกำลังเปลี่ยนแปลงแผนกลยุทธ์ประเทศ จากเดิมที่เป็นประเทศผู้ผลิต (ผู้ขาย) มาเป็นประเทศผู้บริโภค (ผู้ซื้อ) และแผนการที่จะลดค่าเงินหยวนโดยการสาดเงินจำนวนมหาศาลเข้าสู้ระบบการเงินโลก เพื่อเป็นการส่งแพร่ปัญหาไปยังประเทศอื่นๆบนโลกใบนี้ (ฟังดูเหมือนตอนอเมริกาพิมพ์เงินออกมาตอน QE เป๊ะเลย!)
จอร์จ โซรอส ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านี้ (ณ ตอนนี้) แต่สิ่งที่เขาพูดตอกย้ำสิ่งที่เขาเคยพูดเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้วว่า “ท้ายที่สุดแกนของโลกจะเปลี่ยนไป”
โดยจะเป็นการสลับข้างระหว่าง “อเมริกากับจีน” นั่นเอง
อย่าลืมนะครับว่าเมื่อประมาณ 50 ปีที่แล้ว อเมริกาคือประเทศผู้ผลิตที่ยิ่งใหญ่ และส่งสินค้าคุณภาพออกไปจำหน่ายทั่วโลก จนกระทั่งเมื่อประมาณ 20 ปีให้หลังนี่เอง ที่อเมริกาเปลี่ยนตัวเองจาก “ผู้ขาย” กลายเป็น “ผู้ซื้อ” และเมื่อเคยตัวซื้อมากกว่าที่ผลิต จึงเกิดภาวะขาดดุลเป็นหนี้เป็นสิน และก็แก้ไขปัญหาหนี้ของตัวเองด้วยการเสกเงินออกมาจากอากาศ ให้กลายเป็นปัญหาของประเทศอื่นๆทั่วโลกอย่างที่เป็นมาจนถึงทุกวันนี้
และปัจจุบัน จีนก็ประกาศนโยบายของประเทศออกมาชัดเจน ว่าต้องการจะเน้นการบริโภคภายในประเทศให้มากขึ้น (พูดเป็นภาษาชาวบ้านได้ว่า "ต่อไปนี้ฉันจะเป็นผู้ซื้อแล้วนะ" แล้วก็เริ่มพิมพ์เงินออกมามากมาย แบบเดียวกับที่อเมริกาทำมาก่อนหน้านี้นั่นเอง)
เรื่องนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่ ที่ไม่ใช่แค่ปัญหาภายในประเทศไทยของเราเองซะแล้ว นักลงทุนต้องศึกษากันให้หนักมากกว่าเดิมถึงผลกระทบที่กว้างขึ้นและลึกขึ้น
ทุกวิกฤตคือโอกาสครับ แต่โอกาสจะเข้าข้างผู้ที่ “เตรียมพร้อม” เท่านั้น!
ข้อมูลข่าวจาก http://www.bloomberg.com/news/articles/2016-01-07/global-markets-at-the-beginning-of-a-crisis-george-soros-says