#ข่าวหุ้นธุรกิจการลงทุน

ธนาคารกลางทั่วโลก ต้องการเงินเฟ้อที่เท่าไรกันแน่ ?

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
103 views
"เป้าของเงินเฟ้ออยู่ที่ 2%"

เชื่อว่าใครหลายๆคนเวลาพูดถึง "เงินเฟ้อ" มักจะมีภาพในแง่ลบ
เพราะหมายถึงข้าวของแพงขึ้น กำลังซื้อของเราลดลง
แต่ในความเป็นจริงแล้ว การมีเงินเฟ้อ "อ่อนๆ" จะเป็นผลดีกับเศรษฐกิจ
ประเด็นคือ คำว่า "อ่อนๆ" ... แบบไหนถึงเรียกว่าอ่อนๆแล้วจะเป็นผลดี
คำตอบคือ ประมาณ 1-2%
ดังนั้น เป้าเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางทั่วโลกต้องการจะอยู่ราวๆ 2%

ดูจากทิศทางตอนนี้ คาดว่าเงินเฟ้อน่าจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ครึ่งปีหลังนี้น่าจะเป็นจุดกลับตัวลงมา
แต่สำหรับประเทศไทย เงินเฟ้อน่าจะพีคตอนเดือนสิงหาคม ราวๆ 10% หลังจากนั้นจะค่อยๆลดลงเรื่อยๆ
ถามว่าสาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อค่อยๆหักหัวลง คืออะไร
คำตอบ คือ ราคาน้ำมันซึ่งเป็นแหล่งพลังงานหลักของโลก ลดระดับความร้อนแรงลงมาต่ำกว่า 100 เหรียญต่อบาร์เรล ไม่ใช่ 130 เหรียญต่อบาร์เรลเหมือนช่วงต้นปีที่ผ่านมานี้

เมื่อต้นทุนพลังงานลดลง สิ่งที่ตามมาคือ สินค้าโภคภัณฑ์ สินค้าเกษตรหลายๆอย่างปรับตัวลดลง ทำให้สินค้าอุปโภคบริโภคหลายๆอย่างทรงตัว หรืออาจจะปรับลดลงมาเป็นการลดเงินเฟ้อลงมาได้ระดับหนึ่ง
... ดังนั้น ภาพของครึ่งปีหลัง คือ ภาพของเงินเฟ้อที่จะค่อยๆคลี่คลายลงเรื่อยๆ

หมายความว่า เราควรเลิกกังวลเงินเฟ้อได้แล้วใช่ไหม ?
คำตอบคือ ลดความกังวลลงได้ครับ แต่ก็ยังไม่ควรไว้วางใจ ...

เป็นเพราะว่า ระหว่างทางของการลดลงของเงินเฟ้อ ไม่ใช่การลดลงแบบ V-Shape แต่เป็นการลดลงแบบค่อยเป็นค่อยไป
เมื่อธนาคารกลางเห็นว่าเงินเฟ้อลดลงช้ากว่าที่คาด ก็อาจจะต้องใช้ยาแรง คือ การปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งการขึ้นดอกเบี้ย ย่อมไม่เป็นที่ถุกใจของตลาดหุ้น และภาคธุรกิจ

เมื่อตลาดหุ้นบรรยากาศไม่ดี นักลงทุนก็หมดหวัง ภาคธุรกิจก็มีต้นทุนการกู้ยืมสูงขึ้นก็ต้องประหยัดค่าใช้จ่าย เราจะเห็นการปรับลดคนงานอีกมาก เมื่อคนว่างงาน ไม่มีเงิน ก็จะเกิดสภาวะ Recession หรืออาจจะลุกลามกลายเป็น Global Recession ได้เลย
ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเกิด Recession เงินเฟ้อจะลดลงอย่างแน่นอน แต่อาจจะเป็นทางเลือกที่ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก

ตอนนี้สิ่งที่ธนาคารกลางทั่วโลกคาดหวัง คือ เป้าเงินเฟ้อ 2%
แต่ระหว่างทางที่จะเดินไปนั้น อาจจะกลับมาสร้างความกังวลกันอีกครั้งครับ ...

ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง