หุ้นโรงภาพยนต์มีปัญหามากในช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด โดยเฉพาะหุ้น MAJOR
โดยผลประกอบการที่ผ่านมาของ MAJOR ออกมาลดลงค่อนข้างมาก
จากช่วงปกติมีรายได้อยู่ราวๆ 1 หมื่นล้านบาท เหลือเพียง 3-4 พันล้านบาท
แต่พอวิกฤตโควิดผ่านพ้นไป สถานการณ์ของ MAJOR ก็ดูดีขึ้นเรื่อยๆจนนักวิเคราะห์มองว่าเป็นหุ้นที่ปลอดภัยในยามผันผวนแบบนี้
ถามว่าทำไมนักวิเคราะห์ถึงมองแบบนั้น ?
บทวิเคราะห์ฟินันเซียให้ 3 เหตุผลที่น่าสนใจด้วยกัน ประกอบไปด้วย
1. MAJOR เริ่มแตกไลน์ธุรกิจกับการขาย "ข้าวโพดคั่ว" ที่ 7-Eleven
MAJOR ได้ออกข้าวโพดคั่วยี่ห้อ Popstar และวางขายในร้าน 7-Eleven
ถึงแม้ว่าจะมีผลเชิงบวก "เล็กน้อย" เกี่ยวกับรายได้จากการขาย แต่ถ้าสินค้าได้ผลตอบรับเชิงบวก และกลายมาเป็นกระแสขึ้นมาอาจจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทได้ในอนาคต
2. MAJOR กำลังมีมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับการต่อสัญญาเช่ากับ MJLF
สัญญาเช่าระหว่าง MAJOR และ MJLF (เป็น Property Fund) ได้สิ้นสุดลงเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทำให้ MAJOR ได้เสนอต่อสัญญาเช่าสำหรับสาขารัชโยธินและรังสิน พร้อมประกันรายได้ขั้นต่ำ
ถ้าสมมุติว่า MAJOR สามารถเจรจากับ MJLF และได้สัญญาเช่าใหม่ จะเป็นประโยชน์ต่อ MAJOR จากอัตราเช่าที่สมเหตุสมผลมากขึ้น
3. MAJOR กำลังมีรายการภาพยนต์ที่ดี จะเข้ามาฉายในโรงมากขึ้น
หนังภาพยนต์ระดับแม่เหล็ก จะช่วยหนุนการขายบัตรชมภาพยนต์ของ MAJOR ในเดือนกรกฏาคม
และจะกลับไปอ่อนตัวในเดือนสิงหาคม - กันยายน ปีนี้
หมายความว่า นักลงทุนจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวของรายได้ในไตรมาส 4 ที่จะถึงนี้
อีกทั้งยังมีประเด็นบวกเรื่องของการผ่อนคลายมาตรการโควิด และ MAJOR เองก็ยังวางแผนเพิ่มรอบฉายภาพยนต์สู่ระดับปกติที่ 6-7 รอบต่อวัน จากเดิม 4-5 รอบต่อวัน
บทวิเคราะห์มองว่า MAJOR ได้กลายเป็นหุ้นที่ปลอดภัยในยามที่ตลาดผันผวนแบบนี้
---------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์ฟินันเซีย