ช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ นักลงทุนกำลังกังวลประเด็นเรื่องของ Recession อัตราเงินเฟ้อและการพุ่งขึ้นของดอกเบี้ย
แต่มีอยู่ประเด็นหนึ่งที่นักลงทุนกำลังมองข้าม คือ การระบาดรอบใหม่ของ COVID สายพันธุ์ใหม่ (อีกแล้ว)
ศูนย์การควบคุมป้องกันโลกในสหรัฐ (CDC) เผยว่า ตัวเลขการระบาดโควิด BA.4 BA.5 ในสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นสัดส่วนสูงเกิน 70%
ทำให้หน่วยงานอาหารและยาของอเมริกาออกคำแนะนำ "เร่งผลิตวัคซีน" ปรับสูตรบูสเตอร์ให้ทันช่วงเดือนกันยายนจนถึงเดือนพฤศจิกายน 2565
เป็นการบ่งบอกว่าทางภาครัฐของอเมริการู้สึก "กังวล" อย่างมากต่อการระบาดครั้งนี้
สอดคล้องกับข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขของไทย ที่บอกว่าปัจจุบันประเทศไทยมีการติดเชื้อสายพันธุ์ BA.4 BA.5 สูงเกินครึ่งหรือคิดเป็น 51.7% ของกลุ่มตัวอย่างผู้ติด COVID-19 ทั้วหมด โดยเฉพาะผู้มาจากต่างประเทศที่มีโอกาสตรวจเจอมากถึง 78.3%
ถามว่านักลงทุนมีกังวลประเด็นนี้ไปบ้างแล้วหรือยัง ?
คำตอบก็คือ มีกังวลกันไปบ้างแล้ว โดยสังเกตจากหุ้นผู้ผลิตวัคซีน กลุ่มการแพทย์ปรับขึ้นอย่างรุนแรงหลังจากถูกเทขายมาก่อนหน้า
อีกทั้ง หุ้นกลุ่มเปิดเมือง เช่น ค้าปลีก กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรมต่างถูกเทขายในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
ประเด็นสำคัญคือ เราในฐานะนักลงทุนควรกังวล COVID ระบาดรอบล่าสุอีกไหม ?
ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์เอเชียพลัส มองว่าประเด็นนี้ "อ่อนไหว" ต่อตลาดหุ้นอย่างมาก รวมถึงนักลงทุนต่างชาติเองก็ให้ความสำคัญกับประเด็นนี้
ดังนั้น "นักลงทุนต้องกังวลและควรจะติดตามอย่างใกล้ชิด"
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยยังไม่เห็นว่าประเทศไหนจะกลับมาควบคุมเข้มข้นเหมือนที่ผ่านมา
แต่ทำให้ตลาดรู้สึกกังวลว่าเศรษฐกิจอาจจะชะลอตัวไปอีก รวมถึงกดดันหุ้นเปิดเมืองอีกครั้ง
อนึ่ง กระทรวงสาธารณสุขได้ทำแบบจำลองการระบาด
คาดว่าตัวเลขน่าจะทำจุดสูงสุดในเดือนกันยายนปีนี้
... ถ้าประชาชนกลับมาสวมหน้ากากตามปกติ อาจจะทำให้ผู้ติดเชื้อไม่น่าจะถึง 4 หมื่นรายต่อวัน
... แต่ถ้าลดการสวมหน้ากากลงมากกว่า 50% ตัวเลขอาจจะพุ่งไปถึง 6 หมื่นรายต่อวัน
------------------------------------------------
Reference
beckershospitalreview.com
aljazeera.com
columbian.com
กรุงเทพธุรกิจ
ผู้จัดการออนไลน์
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส