เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าผลประกอบการของ SCC น่าจะไม่ค่อยดีเท่าไรนักในปี 2565 จากปัญหาเรื่องของราคาน้ำมันพุ่งสูง รวมถึงแนฟทา ถ่านหินและก๊าซที่เป็นต้นทุนในการผลิตของธุรกิจในเครือ SCC ทั้งหมด
แต่ถ้าเรามองไปข้างหน้า คือ ปี 2566 และปี 2567 เรายังพอจะสามารถค้นหาการเติบโตของ SCC ได้บ้างหรือไม่
คำตอบ คือ "พอหาได้" ...
SCC มีปัจจัยหนุนสำคัญโดยเฉพาะโครงการ LSP ซึ่งเป็นโรงงานเคมีใหม่ในประเทศเวียดนาม
อีกทั้งยังได้ปัจจัยบวกเรื่องของอัตรากำไรที่สูงขึ้นจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์ และกำไรที่ปรับตัวดีขึ้นจากธุรกิจปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง
ถามว่าสัดส่วนรายได้ของ SCC ที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลักคือ
... ธุรกิจแพคเกจจิ้ง สัดส่วน 39.7%
... ธุรกิจเคมี สัดส่วน 33.4%
... ธุรกิจซีเมนต์ และวัสดุก่อสร้าง สัดส่วน 26.9%
บทวิเคราะห์ฟินันเซีย มองว่า โครงการ LSP ที่เวียดนาม จะเป็นปัจจัยที่พลิกสถานการณ์ให้แก่ SCC ไม่เพียงแต่การเติบโตจากกำลังการผลิต รายได้เพิ่ม กำไรเพิ่มเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงความสามารถในการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของต้นทุนถูกลง เป็นผู้ผลิตรายใหญ่เพียงรายเดียวในเวียดนาม และความยืดหยุ่นในด้านวัตถุดิบที่มีมากขึ้น
ปัจจุบันโครงการ LSP ได้ดำเนินการก่อสร้างไปกว่า90% และเตรียมทดสอบเดินเครื่องจักร คาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์โรงงานปิโตรเคมีขั้นปลายช่วงครึ่งหลังปี 2565 ส่วนโรงโอเลฟินส์จะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในปลายปีนี้
ทั้งนี้ โครงการ LSP มีกำลังการผลิตโอเลฟินส์อยู่ที่ 1.35 ล้านตันต่อปี และโพลิโอเลฟินส์ (ปิโตรเคมีขั้นปลาย) อยู่ที่ 1.4 ล้านตันต่อปี จากราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น
ทำให้ต้นทุนการผลิตและราคาขายผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีจากโครงการ LSP ปรับสูงขึ้นด้วย
สุดท้าย บทวิเคราะห์แสดงความเห็นว่า SCC กำลังเปลี่ยนตัวเองจากบริษัทปิโตรเคมีที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมัน มาเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจหลากหลายพร้อมพรอร์ตที่มีโครงสร้างต้นทุนที่แข็งขันได้ใน3 ธุรกิจหลัก คือ
1. ธุรกิจเคมี (วัตถุดิบที่เป็นก๊าซที่เพิ่มขึ้น)
2. ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ (ผลิตภัณฑ์ที่มี High Value Added ที่เพิ่มขึ้น)
3. ธุรกิจซีเมนต์ และวัสดุก่อสร้าง (เชื้อเพลิงชีวมวล จะทดแทนถ่านหิน)
หุ้น SCC กำลังจะเป็นหุ้นไทยที่มาพร้อมกับอำนาจในการตั้งราคาที่สูงขึ้นในอนาคต
ถือเป็นอีกหนึ่งบริษัทของไทยที่นักลงทุนน่าจับตาเป็นอย่างมากครับ
-------------------------------------------
Reference
ผู้จัดการออนไลน์
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ฟินันเซีย