ต้องยอมรับว่าหุ้นขนาดใหญ่หลายๆตัวในปีนี้ ค่อนข้าง Underperform ตลาดอยุ่มาก
คือ ตลาดหุ้นเป็นขาลง แต่หุ้นขนาดใหญ่หลายๆตัวกลับลงมากกว่า
ส่วนหนึ่งมาจากความวิตกกังวลเรื่องผลประกอบการที่ไม่ได้ดีเหมือนเดิม
และอีกส่วน คือ การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลาง ทำให้เกิดการดึงสภาพคล่องกลับ นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยงไปเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยมากกว่า เช่น ตราสารหนี้
รวมถึงหุ้น "Nike" ที่เมื่อคืนลดลงมาค่อนข้างมาก -7% ภายในวันเดียว
แต่ถ้าเราไปดูผลตอบแทนของปีนี้ พบว่า ..
ผลตอบแทนในรอบ 6 เดือน ให้ผลตอบแทน -39%
ผลตอบแทนในรอบ 1 ปี ให้ผลตอบแทน -37%
พูดง่ายๆคือ จากระดับราคา 170 เหรียญ เหลือเพียง 102 เหรียญ และมีแนวโน้มว่าอาจจะเล่นต่ำกว่า 100 เหรียญด้วยซ้ำ
ถามว่านักลงทุนกังวลอะไรเกี่ยวกับ Nike
สิ่งที่วอลสตรีทกำลังกังวล คือ ผลประกอบการที่มีแนวโน้ม "ถดถอย" ลงอย่างเห็นได้ชัด จาก 3 ประเด็นด้วยกัน คือ
1. รายได้ครั้งล่าสุดลดลง 1% จากต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น ค่าขนส่ง ต้นทุนทางด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้น
2. ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจะกดดัน อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ให้ลดลง
ทำให้ CFO ของบริษัทมองว่าผลประกอบการในปีหน้า คือ ปี 2023 รายได้ของไนกี้อาจจะเติบโตเป็น "เลขหลักเดียว"
3. ที่สำคัญเลยคือรายได้จากประเทศจีนลดลงมากถึง 20% เป็นประเด็นที่ตลาดให้น้ำหนักมากที่สุด
บริษัทชี้แจงว่ามาจากการควบคุมของรัฐบาลจากโรคระบาด COVID-19 ครั้งล่าสุด และต้องใช้เวลาราวๆ 3 สัปดาห์หลังการเปิดเมืองแล้วทำให้กลับเข้าสู่ระดับปกติ
ทั้งนี้ บริษัทยังบอกอีกว่า ตลาดจีนเป็นตลาดที่มีศักยภาพ เติบโตและบริษัทก็พร้อมที่จะลงทุนอย่างต่อเนื่อง ...
นักลงทุนคนหนึ่งในชุมชน The Motley Fool แสดงความคิดเห็นว่า
ไนกี้มีจุดเด่น คือ แบรนด์ที่ทำเงินได้อย่างต่อเนื่อง (strong brand) และเชื่อว่าบริษัทมีศักยภาพมากพอที่จะจะผลักต้นทุนที่เพิ่มขึ้นลงไปในรองเท้าทุกคู่ และผู้บริโภคก็พร้อมจะจ่ายเงินให้กับรองเท้าคู่ใหม่ที่ปล่อยลงสู่ตลาด
เขาเลยมองว่าด้วยราคาหุ้น และพื้นฐานของบริษัทมีความน่าสนใจ
แต่ในทางเทคนิคแล้ว หุ้นที่อ่อนแอกว่าตลาดอาจจะไม่ใช่จังหวะที่ดีนัก ที่จะเข้าไปช้อนซื้อ ณ เวลานี้ ...
-------------------------------
Reference