เราอาจจะเคยได้ยินคำว่า....
"ลดกาแฟ" วัน 1 แก้ว ประหยัดเงินได้วันละ 60 บาท
ถ้าไม่กินสัก 20 วัน จะออมเงินได้มากถึง 1,800 บาท" ... อะไรประมาณนี้
เวลาเราพูดถึงการออมเงิน โดยการลดการบริโภคลงเพื่อที่จะเก็บเงินได้มากขึ้น
และสิ่งที่เราจะสามารถลดเป็นอันดับต้นๆที่มักนำมายกเป็นตัวอย่าง คือ "กาแฟ"
พูดง่ายๆคือ กาแฟได้เป็นเครื่องหมายของความฟุ่มเฟือย ไปแล้ว ...
เราเคยสงสัยไหมว่า ทำไมต้องเป็นกาแฟ ?
จริงๆทฤษฏีทางการเงินมีการบัญญัติคำศัพท์ออมเงินโดยการลดการดื่มกาแฟว่า "Latte Factor"
ในหนังสือเรื่อง The Automatic Millionaire เขียนโดยเดวิช บาซ เคยอธิบายไว้ว่าครั้งหนึ่งระหว่างที่เขากำลังพูดถึงเรื่องการออมเงิน
มีผู้หญิงคนหนึ่งถามขึ้นมาว่า ...
"เงินเดือนก็น้อย จะหาเงินที่ไหนมาลงทุน ลำพังใช้ในแต่ละเดือนก็ลำบากมากพอแล้ว"
เดวิดเลยให้ผู้หญิงคนนั้นเล่าว่า ใน 1 วันเธอทำอะไรบ้าง
สิ่งที่เดวิดได้ยิน คือ ผู้หญิงคนนี้ชอบดื่ม "ลาเต้" หรือกาแฟใส่นมทุกเช้า ...
เดวิดเลยแนะนำว่า กาแฟ 1 แก้ว เป็นรายจ่ายเล็กๆที่ดูเหมือนจะไม่ได้มากอะไร
แต่ถ้าเกิดขึ้นถี่ๆบ่อยครั้ง ก็รวมกันเป็นเงินก้อนก้อนใหญ่ได้เหมือนกัน
อย่างเช่นตัวอย่างข้างต้น ถ้าเราสามารถประหยัดเงินได้เดือนละ 1,800 บาท
ใน 1 ปี เราจะมีเงินเก็บมากถึง 21,600 บาท
และถ้าเรานำไปสร้างผลตอบแทน 10% ต่อปี ในเวลา 20 ปี เราก็จะกลายเป็น "เศรษฐีเงินล้าน" ทันที ...
เดวิดเลยตั้งนิยามนี้ว่า "Latte Factor" ก็คือการลดการบริโภคกาแฟ (ลาเต้) ลงเพื่อจะได้ออมเงินให้มากขึ้น
นี้จึงเป็นที่มาว่าทำไมเวลาเราพูดถึงเรื่องการออม เรามักจะ "อ้างถึง" การลดการดื่มกาแฟลง
แต่ ... แต่ ... แต่ ...
สิ่งที่เดวิดพูดถึง Latte Factor ไม่ได้หมายถึงให้ลดกาแฟลง
แต่หมายถึงให้เราลดการบริโภคบางอย่างลง เช่น
- ซื้อของออนไลน์ให้น้อยลง
- ซื้อเสื้อผ้าลงสักตัว ต่อเดือน
- งดของหวานลงบ้างในบางมื้อ
- งดกาแฟราคาแพง แต่เปลี่ยนมาเป็นกาแฟซองบ้างในบางวัน
แต่ไม่ได้หมายความว่าให้ตัดขาดจากกาแฟเลย หรือเราไม่สามารถเอาเงินที่เราหามา มาซื้อความสุขให้เราเลย