ในสภาวะเงินเฟ้อแพง จะขึ้นราคาก็ไม่ได้ เพราะผู้บริโภคต่างก็เงินตึงมือกันหมด
ในเมื่อปรับราคาเพิ่มไม่ได้ ถ้างั้นเราลอง "ลดปริมาณ" ลงดูไหม แต่ขายราคาเท่าเดิม
ซึ่งการขายราคาเท่าเดิม แต่ลดปริมาณลง ผู้บริโภคบางคนอาจจะสังเกตเห็น แต่บางคนก็อาจจะไม่ได้สังเกตเห็น เราเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า Shrinkflation
... พูดง่ายๆ คือ Shrinkflation คือเทคนิคการขึ้นราคาแบบเนียนๆ ในราคาเดิมแต่เป็นการลดปริมาณลง
คำว่า Shrinkflation มาจาก 2 คำ คือ Shrink ที่แปลว่าหดตัว และ Inflation ที่ความหมายในเชิงเศรษฐศาสตร์ คือ เงินเฟ้อ
ทำให้คำว่า Shrinkflation หมายถึงการลดขนาดผลิตภัณฑ์เพื่อช่วยลดต้นทุนสำหรับผู้ผลิต ท่ามกลางสภาวะที่บริษัทต่างๆ ต้องเผชิญกับต้นทุนการผลิตสินค้าที่สูงขึ้นและถึงจุดต้องส่งต่อต้นทุนเหล่านี้ไปยังผู้บริโภค
คำนี้ปรากฏขึ้นครั้งแรกจากนักเศรษฐศาสตร์ผู้หญิงที่ชื่อว่า Pippa Malmgren ที่มักจะบอกว่าผู้บริโภคเจอกับปรากฏกการณ์ลักษณะนี้มาต้ังนานแล้วเพียงแต่ไม่ได้สังเกตเห็น
... โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอาหารและเครื่องดื่ม
ซึ่งแน่นอนว่าผู้บริโภคแทบจะไม่ได้สังเกตเลย ว่าด้วยจำนวนเงินเท่าเดิม แต่เรากลับได้ของน้อยลง
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้เราอาจจะสงสัยว่า ...
1. ปัจจัยอะไรบ้างที่ก่อให้เกิด Shrinkflation
และ 2. ทำไมผู้ผลิตถึงเลือกที่จะลดปริมาณ แทนการขึ้นราคา
มาที่คำถามแรก ก่อน คือ ปัจจัยอะไรบ้างที่ก่อให้เกิด Shrinkflation
คำตอบคือ ประกอบไปด้วย 2 ปัจจัย นั้นคือ ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น และการแข่งขันกันสูง
โดยเฉฑาะอย่างยิ่งเรื่องของต้นทุนการผลิตที่สูง อย่างในปัจจุบันราคาน้ำมันพุ่งสูง ทำให้ต้นทุนต่างๆพุ่งสูงตามไปด้วย
ส่วนคำถามที่สอง คือ ทำไมผู้ผลิตถึงเลือกที่จะลดปริมาณ แทนการขึ้นราคา
นั้นเป็นเพราะว่า การประกาศขึ้นราคาจะส่งผลกระทบกับความรู้สึกของผู้บริโภค และทำให้ผู้บริโภคมองหาตัวเลือกอื่นๆในราคาที่ถูกกว่า
ในขณะที่การลดปริมาณลง ผู้บริโภคอาจจะไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงมากนัก หรือแทบจะไม่รู้เลย ดังนั้นผู้บริโภคจึงรู้สึกเฉยๆกับการลดปริมาณ แต่ราคาเท่าเดิมโดยเฉพาะในช่วงเศรษฐกิจถดถอยแบบนี้
--------------------------------
Reference
www.cnet.com