หลังการรวมกิจการกับ Lotus ดูเหมือนว่าหุ้น Makro ก็ดู Underperform ตลาดมาโดยตลอด
โดย YTD ปีนี้ ร่วงไปแล้ว -16.87% ลงมากกว่า SET Index ที่ติดลบไปราวๆ 5%
ถามว่าประเด็นที่ทำให้หุ้น Makro โดนเทขายอยู่ตลอดเวลา
สาเหตุเป็นเพราะยังไม่เห็นการเติบโตเท่าไรนักในแง่ของกำไร จากการเข้าไปรวมกับ Lotus
ถึงแม้ว่ารายได้ของบริษัทจะเพิ่มขึ้น แต่ถ้าเราไปดูอัตรากำไรขั้นต้นของ MAKRO ลดลง
และค่าใช้จ่าย SG&A ก็เพิ่มสูงขึ้นจากการรวม Lotus
ประเด็นที่ตลาดให้ความสนใจ คือ เมื่อไรผลประกอบการของ MAKRO จะกลับมาได้
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ มองว่าผลประกอบการของ MAKRO จะกลับมาได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 โดยมีสาเหตุจาก 4 ปัจจัย คือ
1. ยอดขายดีขึ้นจากธุรกิจ B2B
ถึงแม้ว่ายอดขายต่อสาขาจะเติบโตเป็นเลขหลักเดียว สำหรับ Makro
แต่การได้แรงหนุนจากธุรกิจ B2B และ B2C ของโลตัสเข้ามาช่วย จะทำให้ผลประกอบการฟื้นตัวได้ในครึ่งปีหลัง
ธุรกิจที่มองข้ามไม่ได้อีกอย่าง คือ พื้นที่เช่า (Mall)
โดยบริษัทคาดหวังว่าพื้นที่เช่าจะกลับมาได้ก่อนระดับจะเกิดโควิด ภายในปลายปี 2565 และมีแนวโน้มว่าจะปรับเพิ่มค่าเช่าได้ในอีก 2 ปี
2. การขยายสาขา จะเกิดขึ้นในครึ่งปีหลัง
ธุรกิจ B2B ของ MAKRO จะเปิดเพิ่มอีกราวๆ 8-12 สาขาในประเทศไทย
และ 2-4 สาขาในต่างประเทศ โดยเฉพาะอินเดียและกัมพูชา อย่างละ 1-2 สาขา
และธุรกิจ B2C บริษัทจะเปิดสาขาอีก 162-213 สาขาในประเทศไทย โดยเน้นไปที่มินิซุปเปอร์มาร์เก็ต อีกทั้งยังมีการรีแบรนด์ร้านค้าในธุรกิจ B2C การปรับปรุงร้านค้าให้ดูดียิ่งขึ้น
3. มาร์จิ้นปี 2565 ของ Makro จะดีขึ้น
โดยเฉพาะยอดขายในกลุ่ม HoReCa ที่ให้มาร์จิ้นสูงและเพิ่มขึ้น
เน้นการขายอาหารสดที่มีมาร์จิ้นสูง
รวมถึงต้นทุนต่างๆไม่ว่าจะเป็นค่าขนส่ง ค่าสาธารณูปโภค ค่าใช้จ่ายพนักงาน จะเป็นตัวผลักดันให้มาร์จิ้นของบริษัทดีขึ้น
** กลุ่ม HoReCa ย่อมาจาก Hotel (โรงแรม), Restaurants (ร้านอาหาร) และ Catering (ธุรกิจรับจัดเลี้ยง)
4. บริษัทวางแผนในการรีไฟแแนซ์หนี้
บริษัทวางแผนออกหุ้นกู้สกุลเงินบาทเร็วๆนี้เพื่อเปลี่ยนแปลงโครงสร้างหนี้
โดยดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น 1% จะส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิของ Makro ลดลงราว 6%
บทวิเคราะห์คาดว่ากำไรของ MAKRO จะเติบโตราวๆ 48% ในปี 2565 โดยแบ่งเป็น 15% มาจากการรวมธุรกิจที่ดียิ่งขึ้น และที่เหลือมาจากผลการดำเนินงานปกติ จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว และพื้นที่เช่าที่เพิ่มขึ้นจากการเข้ารวมกับ Lotus พร้อมกับการขยายสาขาเพิ่มเติม
แต่ถ้าให้แยกตามประเภทธุรกิจ จะแบ่งออกเป็น
... การเติบโต 11% มาจากธุรกิจประเภท B2B
และการเติบโตราวๆ 37% มาจากธุรกิจประเภท B2C
ในภาพระยะยาวแล้ว การตั้งเป้าเติบโตระยะยาว คือ การทำแพลตฟอร์ม B2B Marketplace
และการรุกธุรกิจ O2O จากทั้ง Makro+Lotus's เข้าด้วยกัน
ถือว่าเป็นเรื่องราวที่มองข้ามไม่ได้ครับ
------------------------------
Reference