#แนวคิดด้านการลงทุน

ความผิดพลาดของ FED อยู่ตรงไหนกันแน่ ?

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
104 views

เราไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่า "ยุคนี้เป็นยุคข้าวของแพง - เงินเฟ้อพุ่งมหาศาล"


อย่างเมื่อไม่กี่วันก่อน มีรายงานว่า

  • เงินเฟ้อไทยพุ่ง 7.1%
  • เงินเฟ้ออเมริกาพุ่งสูง 8.6% 

 

จริงๆธีมเงินเฟ้อพุ่ง ไม่ใช่แค่ไทยอย่างเดียว แต่เงินเฟ้อพุ่งมหาศาลกันทั่วโลก


... ความแตกต่างตรงที่ว่า หลายประเทศ เขา enjoy กับช่วงการเติบโตหลังโควิดก่อนที่จะมาเจอเงินเฟ้อ ให้พอได้ปรับตัวกันบ้าง


แต่สำหรับประเทศไทย ยังไม่ทันได้เติบโตเลย ก็ต้องมาเจอกับสภาวะเงินเฟ้อซะแล้ว 

 

ถ้าถามว่า โลกของเรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ? "เงินเฟ้อพุ่งมหาศาลจนเกินการควบคุม"


คำตอบ คือ มาจาก 2 ปัจจัยด้วยกัน 
1. การอัดฉีดเงินปริมาณที่มากเกินไปของ FED
2. การขึ้นดอกเบี้ยที่ล่าช้าเกินไป

 

เรื่องของการอัดฉีดเงิน (QE)


เป็นเรื่องเข้าใจได้ว่าอเมริกาต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจอเมริกาในช่วงโควิด เพราะปัญหาตอนนั้นคือ คนล้มตายจำนวนมาก คนไม่สามารถทำงาน ได้แต่อยู่บ้าน ร้านค้าต่างๆไม่สามารถเปิดทำการได้ปกติ เรียกว่าเศรษฐกิจ "หยุดชะงัก" 


ดังนั้น ธนาคารกลางสหรัฐฯ ภายใต้การนำของนายเจอโรม พาวเวลล์ จึงอัดเงินเข้าระบบกว่า 5 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ


เพราะเกรงว่าจะเกิด The  Great Depression เหมือนปี 1929 ที่คนตกงานกว่า 1 ส่วน 4 ของระบบและใช้เวลามากกว่า 10 ปีในการแก้ไขปัญหา


พร้อมกับการดึงดอกเบี้ย "เข้าใกล้ศูนย์" เป็นระยะเวลายาวนาน เพื่อกระตุ้นให้คนออกมาจับจ่ายใช้สอย

 

สอดคล้องกับความเห็นของกระทรวงการคลังภายใต้การนำของนางเจเน็ต เยลเลน  ที่มองว่า "ควบคุมได้ รับได้ และเอาอยู่" ดำเนินนโยบายการคลังในลักษณะปล่อยมากเกินไป

 

คนอ่านมาถึงตรงนี้ว่าเงินจำนวนกว่า 5 ล้านล้านดอลล่าร์ที่ถูกอัดฉีดเข้ามาในช่วง COVID-19 นั้น หายไปไหน ? 

 


สื่ออย่าง The New York Times ชี้แจงว่า เงินจำนวนนั้นถูกใช้ไปไหน ... 


1. แจกจ่ายให้กับประชาชน 1.8 ล้านล้านดอลล่าร์ เช่น การขึ้นเงินเดือน เงินแจกจ่ายช่วงโควิด
2. เงินอัดฉีดให้กับภาคธุรกิจ 1.7 ล้านล้านดอลล่าร์ 
3. แจกจ่ายให้กับรัฐ 7.45 แสนล้านดอลล่าร์
4. ภาคสาธารณสุข โรงพยาบาล 4.82 แสนล้านดอลล่าร์
5. อื่นๆ 2.88 แสนล้านดอลล่าร์

 

เศรษฐกิจของอเมริกาประคับประคองไปได้ช่วงโควิด ทำให้ผลกระทบไม่ได้รุนแรงอย่างที่คิด


เมื่อวัคซีนเริ่มมา คนเริ่มชินกับการอยู่กับโรคโควิด กลับมาเปิดเมืองอีกครั้ง เราจึงเห็นเศรษฐกิจของอเมริกาฟื้นตัว แต่ก็เป็นแค่การฟื้นตัวช่วงสั้นๆ 


... นำไปสู่ปัญหาข้อที่ 2 คือ

 

การขึ้นดอกเบี้ยที่ล่าช้าเกินไป ...


เศรษฐกิจอเมริกากลับมาฟื้นตัวได้อาจจะด้วยการหวังผลทางการเมืองด้วย ประกอบกับอยากเห็นเศรษฐกิจอเมริกาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ชดเชยช่วงโควิดที่หายไป จึงพยายามตรึงนโยบายดอกเบี้ยไม่ให้ขึ้นไป


... FED มองว่า เงินเฟ้อที่ขึ้นมาเป็นเพียง Supply Shocks หลังเศรษฐกิจฟื้น ยังไม่มีอะไรน่ากังวล

 

ปรากฏว่าสภาพคล่องจำนวนมากที่ FED อัดฉีดเข้ามาล้นระบบมากเกินไป ทำให้คนมีเงินในระบบเยอะ จับจ่ายใช้สอยมาก ดอกเบี้ยต่ำเตี้ยมากยิ่งใช้จ่ายมากกว่าเดิม ส่งผลกระทบต่อสินทรัพย์หลายๆอย่างให้ขึ้นไปด้วย ทำให้เงินยิ่งเฟ้อหนักเข้าไปอีก


แต่ ... แต่ ... แต่


จะโทษเรื่องนโยบายของเฟดที่ "ช้าเกินไป" อย่างเดียวก็อาจจะไม่ถูกสักเท่าไรนัก


เพราะเราต้องไม่ลืมว่า มีปัจจัยอีกอย่างที่ "ไม่มีใครคาดคิด" นั่นก็คือ ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ...
เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก


ผสมผสานกับ Supply Shocks และปริมาณเงินที่ FED พิมพ์เพิ่มมหาศาล เลยทำให้เงินเฟ้อพุ่งสูงระดับ 8.6% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดครั้งใหม่ในรอบกว่า 40 ปี และสูงกว่าที่ตลาดวอลสตรีทคาดเอาไว้มาก


Mohamed Aly El-Erian ประธานที่ปรึกษาเศรษฐกิจที่ Allianz มองว่าตอนนี้เศรษฐกิจของอเมริกาได้เข้าสู่สภาวะ "stagflation" ไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย คือ เงินเฟ้อพุ่ง ในขณะที่คนตกงาน และมันมีแนวโน้มที่จะแย่ยิ่งขึ้นไปอีก


โดยเงินเฟ้อจะพุ่งสุงแตะระดับ 9% ในปีนี้ และอเมริกาจะเข้าสู่สภาวะ Recession ในท้ายที่สุด 


... แต่สุดท้ายเขาก็ยังมีมุมมองที่ดีต่ออเมริกา

 

"ผมยังมีมุมมองที่ดีต่อเศรษฐกิจอเมริกานะ เชื่อว่าธนาคารกลางจะควบคุมเงินเฟ้อได้ และอเมริกาก็อาจจะเกิด Soft Landing คือ เงินเฟ้อลดลงพร้อมกับการเติบโตที่ดูดีขึ้นเรื่อยๆ"


โดยสรุปแล้วความผิดพลาดของ FED คือ พิมพ์เงินออกมาสู้กับโควิดมากเกินไป และยังตรึงดอกเบี้ยใกล้ศูนย์ให้ยาวนานเกินไป ประกอบกับสิ่งที่ไม่มีใครรู้ว่ารัสเซียจะทำสงครามกับยูเครน ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นอย่างมาก

 

สิ่งที่ต้องติดตามกันต่อไป คือ อเมริกาจะทำอย่างไรกับสภาวะเงินเฟ้อที่ดูท่าจะคุมไม่อยู่ เช่นนี้ ...


----------------------------------------------------
Reference 

Reuters
New York Post
CNN Business
The Atlantic
The New York Times


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง