#ข่าวหุ้นธุรกิจการลงทุน

ECB กำลังจะปรับเพิ่มดอกเบี้ยในรอบ 11 ปี

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
143 views

ในการประชุมนโยบายการเงินของ ECB ครั้งนี้แม้จะไม่มีการปรับดอกเบี้ย แต่มีการส่งสัญญาณชัดเจนแล้วว่าการประชุมครั้งหน้าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ซึ่งถือว่าเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในรอบ 11 ปี และจะมีการปรับขึ้นอีกครั้งในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้
... ข่าวนี้ส่งผลให้ Sentiment ของการลงทุนทั่วโลกกลับมาแย่ลงอีกครั้ง

 

สาระสำคัญจากการประชุมครั้งล่าสุด ประกอบไปด้วย
1. ECB จะยุติการอัดฉีด QE ในวันที่ 1 กรกฏาคม 2565 ที่จะถึงนี้

2. ECB จะปรับดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 0.25% ในการประชุมครั้งหน้า และดอกเบี้ยฝากตอนนี้ยังคงไว้ที่ 0.5% ตามเดิม

 

3. ECB มองว่าเงินเฟ้อในรุโปรเพิ่มขึ้นอย่างมาก และมีการปรับคาดการอีก
ปี 2565 ปรับเพิ่มเป็น +6.8% จากเดิมที่คาดว่า +5.1%
ปี 2566 ปรับเพิ่มเป็น +3.5% จากเดิมที่คาดว่า +2.1%
ปี 2567 ปรับเพิ่มเป็น +2.1% จากเดิมที่คาดว่า +1.9%

 

4. ECB ปรับลดการเติบโต GDP Growth ของยุโรปใหม่ให้ลดลง
ปี 2565 ปรับลดลงเหลือ +2.8% จากเดิมที่คาดว่า +3.7%
ปี 2566 ปรับลดลงเหลือ +2.1% จากเดิมที่คาดว่า +2.8%
ปี 2567 ปรับเพิ่มเป็น +2.1% จากเดิมที่คาดว่า +1.6%

สอดคล้องกับความเห็นของ World Bank และ OECD ได้ปรับลด GDP Growth ของหลายประเทศลงเช่นเดียวกัน

 

นักวิเคราะห์ทางฝั่งยุโรป คาดว่า ECB มีเครื่องมือไม่มากเท่าไรนักในการจะแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อ เพราะโดยหลักแล้วมาจากราคาพลังงานที่สูงขึ้นเนื่องด้วยความขัดแย้งของรัสเซีย-ยูเครน ที่ยากจะจบในเร็ววัน
ไม่แน่ว่าอัตราเงินเฟ้อจะมีการปรับ "เพิ่มขึ้น" อีกอย่างน้อย 2 ครั้งต่อจากนี้ และจะปรับเพิ่มขึ้นสูงสุดครั้งละ 0.5%

สอดคล้องกับความเห็นทาง Bloomberg ที่วิเคราะห์ว่าดอกเบี้ยเงินฝากยุโรปสิ้นปีนี้จะหยุดอยู่ที่ราวๆ 1%


ประเด็นการเพิ่มดอกเบี้ยของ ECB จะทำให้ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ปรับฐานแรง สวนทางกับค่าเงินดอลล่าร์ที่แข็งค่า และ Bond Yield สหรัฐอายุ 10 ปี ที่ยืนอยู่ระดับสูงราวๆ 3%
สถานการณ์นี้อาจจะทำให้ FED กลับมาคิดต่อว่าการประชุมที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 14-15 มิถุนายน นี้ FED อาจจะมีการส่งสัญญาณเพิ่มเติม หรือแสดงความกังวลต่อเศรษฐกิจอย่างไร


แล้วการขึ้นดอกเบี้ยของ ECB จะส่งผลกระทบอย่างไรต่อนักลงทุน ?
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส วิเคราะห์ว่า ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นดอกเบี้ย ตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งเร็ว และ GDP ที่ลดลง ทำให้ปีนี้ไม่สดใสเท่าไรนักสำหรับการลงทุน สินทรัพย์เสี่ยงถูกเทขาย และเม็ดเงินจะไหลเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ตราสารหนี้ และ Dollar Index
รวมถึงตลาดหุ้นไทย ก็อาจจะลดลงด้วยเช่นกัน


------------------------------------------------
Reference

nytimes.com

Rolandberger.com

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส

THE STANDARD WEALTH

CNBC

Bloomberg


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง