หุ้นไทยประกันชีวิต หรือ TLI เชื่อว่าคนไทยทุกคนน่าจะรู้จักบริษัทประกันแห่งนี้เป็นอย่างดี เพราะบริษัททำธุรกิจมานานกว่า 80 ปีเข้าไปแล้ว
และตอนนี้ TLI กำลังจะจดทะเบียนเข้าตลาดหุ้นไทย ให้นักลงทุนรายย่อยได้เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทกันแล้วครับ
แต่ก่อนจะซื้อหุ้น เราต้องทำความเข้าใจก่อนลงทุนทุกครั้ง และนี่คือ 5 ประเด็นหลักที่เราต้องทำความเข้าใจหุ้น TLI ครับ มีอะไรบ้างไปดูกัน
1. ทำไมต้องธุรกิจประกัน
ประเด็นสำคัญที่นักลงทุนอาจจะสงสัยคือ ธุรกิจประกันยังเติบโตได้อีกเหรอ ?
คำตอบคือ ยังได้ครับ เนื่องจากว่า ... ประเทศไทยยังมีการทำประกันชีวิตที่ต่ำมาก โดยตลาดประกันชีวิตในประเทศไทยมีมูลค่าอยู่ราวๆ 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น
เทียบกับเกาหลีใต้ จะมีมูลค่าอยู่ที่ 1.06 แสนล้านเหรียญสหรัฐ
เทียบกับสิงคโปร์ จะมีมูลค่าอยู่ที่ 3.5 หมื่นล้านเหรียสหรัฐ
หรือถ้าเทียบกับ GDP จะพบว่าประเทศไทยจะอยู่ที่ 3.8% เมื่อเทียบกับเกาหลีใต้จะอยู่ที่ 6.8% และสิงคโปร์อยู่ที่ 10.2% และมาเลเซีย 4.2%
จะเห็นได้ว่าตลาดไทยยังมี "ช่องว่าง" ให้เติบโตได้อีก
โดยปัจจัยที่จะช่วยผลักดัน คือ
- ชนชั้นกลางในไทยที่จะเพิ่มขึ้น มีแนวโน้มทำประกันมากขึ้น
- คนไทยมีการออมเพิ่มขึ้น เกษียณเร็วขึ้น อายุยาวขึ้น การออมก็จะมากขึ้นตามไปด้วย
- แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ทำให้รายได้ที่เกิดจากการลงทุนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามทิศทางของอัตราดอกเบี้ย
2. ความน่าสนใจใน TLI
ในประเทศไทยมีบริษัทประกันให้เลือกค่อนข้างมาก แต่มีไม่มากที่บริษัทจะดำเนินธุรกิจมายาวนาน อย่าง TLI อยู่ในประเทศไทยกว่า 80 ปี มีความน่าเชื่อถือ ผู้บริโภคให้ความมั่นใจ มีความสบายใจในการถือครองกรมธรรม์
จากข้อมุลของธุรกิจประกัน พบว่า TLI เป็นอันดับ 3 ในเชิงของเบี้ยประกันรวมปี 2564
อันดับหนึ่ง คือ AIA ที่เป็นเจ้าตลาด ครองส่วนแบ่งการตลาดมากถึง 26%
อันดับสอง คือ FWD ครองส่วนแบ่งการตลาด 15% (ซึ่งทั้ง AIA และ FWD เป็นของฮ่องกง)
อันดับสาม คือ TLI ครองส่วนแบ่งการตลาด 13%
ถามว่า TLI มีความน่าสนใจอะไรที่นักลงทุนต้องรู้บ้าง อยากจะเล่าให้ฟังสั้นๆแบบนี้ครับ
1. บริษัทมีทีมขายแข็งแกร่ง หลากหลายและครอบคลุมในวงกว้าง
2. คนไทยเป็นชนชั้นกลางมากขึ้น มีแนวโน้มจะทำประกันมากขึ้น
3. แนวโน้มผลิตภัณฑ์ของบริษัท จะเป็นประกันที่มี Margin สูงที่เพิ่มขึ้น
4. อัตราดอกเบี้ยขาขึ้น จะเป็นบวกต่อธุรกิจประกัน
5. บริษัทจะเน้นไปที่การขายผ่าน Platform ดิจิทัล และช่องทางออนไลน์มากขึ้น ทำให้การบริหารจัดการต้นทุนมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลต่อกำไรที่มากขึ้นตามไปด้วย
3. กลุ่มผู้ถือหุ้น
กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของ TLI หลักๆจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ
- กลุ่ม "ไชยวรรณ" รวมถือหุ้น 84.7%
- กลุ่ม Meiji Yasuda Life Insurance บริษัทประกันรายใหญ่จากญี่ปุ่น รวมถือหุ้น 15%
TLI จะมีการออกหุ้นไม่เกิน 2,207.3 ล้านหุ้น ราคาพาร์ 1 บาทต่อหุ้น (คิดเป็น 19.3% ของทุนจดทะเบียน)
ดังนั้นหลังการขาย IPO ทำให้โครงสร้างการถือหุ้นเปลี่ยนไป เป็น
- กลุ่ม "ไชยวรรณ" รวมถือหุ้น 66.5%
- กลุ่ม Meiji Yasuda Life Insurance รวมถือหุ้น 15% เท่าเดิม
- ประชาชนทั่วไป 18.5%
4. ผลประกอบการที่ผ่านมา
ปี 2562 รายได้รวม 108,388 ล้านบาท กำไรสุทธิ 6,777 ล้านบาท
ปี 2563 รายได้รวม 107,642 ล้านบาท กำไรสุทธิ 7,692 ล้านบาท
ปี 2564 รายได้รวม 109,246 ล้านบาท กำไรสุทธิ 8,393 ล้านบาท
Q1 ปี 2564 รายได้รวม 25,198 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3,307 ล้านบาท
Q1 ปี 2565 รายได้รวม 25,954 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3,793 ล้านบาท
จะเห็นได้ว่ากำไรสุทธิของ TLI เพิ่มขึ้นราวๆ 9% ในปี 2564 ซึ่งอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติอย่าง COVID-19 การบริโภคที่ลดลง
แต่พอมาไตรมาส 1 ของปี 2565 พบว่ากำไรสุทธิขยับขึ้นเป็น 3.8 พันล้านบาท จากเดิมอยู่ที่ 3.3 พันล้านบาทเท่ากับว่าเพิ่มขึ้นถึง 19% QoQ และ 15% YoY จะเห็นได้ว่าผลประกอบการมีการฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด
5. มุมมองโบรคเกอร์ มองว่า "น่าสนใจ"
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์กรุงศรี วิเคราะห์ว่า ผลประกอบการมีแนวโน้มขยายตัวได้อีก จาก 3 ประเด็นหลักด้วยกัน คือ
1. รายได้จากการลงทุนที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนมาก
2. อัตราดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น
3. การบริหารจัดการต้นทุนได้ดีจากการหันไปขายผ่านออนไลน์มากขึ้น
บทวิเคราะห์มีการประเมินมูลค่าของบริษัทประกัน ผ่าน 2 วิธีด้วยกัน คือ
- วิธีประเมินมูลค่า P/EV ... จะได้มูลค่าที่เหมาสม 2.12 แสนล้านบาท
- วิธีประเมินมูลค่า PB จาก dividend discount model ... จะได้มูลค่าที่เหมาสม 2.10 แสนล้านบาท
โดยสรุปแล้ว TLI เป็นบริษัทประกันชั้นแนวหน้าของประเทศไทย มีจุดแข็งคือ มีประสบการณ์ ทำธุรกิจในไทยมานาน เชื่อถือได้ มีทีมขายขนาดใหญ่และการให้บริการที่ครอบคลุมทุกจังหวัด
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์กรุงศรี มองว่า TLI จะโตได้ 13% CAGR จากการฟื้นตัวของประเทศ และอัตราดอกเบี้ยอยู่ในขาขึ้น
มูลค่าเหมาะสม ควรจะอยู่ระดับ 2.10 - 2.12 แสนล้านบาท
เป็นหุ้นอีกตัวที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งครับ ....
----------------------------------------------
Reference
ข้อมูล Filling : สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์