คุยเรื่องการวางแผน Life Design ก็มีคนอยากให้ขยายความในเรื่องของ ออมหุ้นให้เกษียณมันคือทำยังไง ..มาดูกัน
1. เริ่มจากเงินน้อย ง่ายกว่าเงินก้อน
หลายคนรอจนเก็บเงินได้ก้อนใหญ่ก่อนซึ่งเอาตรงๆ กว่าจะเก็บเงินจนเป็นก้อนใหญ่มันยาก สุดท้ายใช้หมดก่อน
(บางคนรอจนได้เงินเกษียณ พอมาลงก็เสียหนัก เพราะไม่เคยฝึกฝน ถึงเงินจะเยอะแค่ไหน พอเริ่มเข้าตลาดก็เป็นมือใหม่ ซึ่งโอกาสเสียหายของมือใหม่คือประมาณ 50%
ดังนั้น ถ้าเริ่มเงินน้อย มันก็เสียน้อยกว่า แล้วกลับมาทำต่อได้ง่ายกว่า)
การเริ่มออมหุ้นจากก้อนเล็ก เหมือนการออกกำลังกาย เช่น เริ่มจากวิ่งน้อยๆ แล้วค่อยๆ เพิ่ม จนสุดท้าย วิ่งได้เป็นกิจวัตร ทำสม่ำเสมอจน สุขภาพดี หุ่นดี
พอร์ตออมหุ้นก็คล้ายๆ กัน ต้องเริ่มจากสร้างกิจวัตรในการเริ่มซื้อสะสม แล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้น
2. ทำให้ถึงจุดโชคดีในการออมหุ้น
ความโชคดีในการออมหุ้นมันมีอยู่จริง แต่มันจะเกิดกับคนที่ออมอย่างสม่ำเสมอ นานพอ จนมี Big Shot
(เหรียญมี 2 ด้านเสมอ เวลาที่เราขาดทุนหนัก มันมีคนอีกด้านที่กำไรเยอะเช่นกัน
คนที่อดทนออมหุ้นนานพอ ก็จะเจอกับอีกด้านที่เราอาจไม่เคยเจอในที่สุด "กำไรเยอะ")
การออมหุ้นเป็นการซื้อสะสมไปเรื่อยๆ ทุกเดือน
คนที่ไม่มีประสบการณ์ในตลาดก็ให้เริ่มจาก กองทุนพวก ETF , DR
ส่วนคนที่เริ่มมีประสบการณ์ก็ค่อยขยับมาออมรายตัวเพิ่มขึ้น
3. เป้าหมายไม่ใช่กำไร แต่คือการสะสมจำนวนหุ้นดี
คนที่เข้าตลาดใหม่จะสนใจแค่ กำไรขาดทุนจากการซื้อขาย ซึ่งก็ไม่ผิด แต่จุดสำคัญที่ทำให้วิธีการออมหุ้นเติบโต มันไม่ได้อยู่ที่การหากำไรไปวันๆ แต่คือ การสะสมจำนวนหุ้น
เพราะ ความมั่งคั่ง ในระยะยาว คือ "จำนวนหุ้น x ราคาหุ้นในอนาคต"
คิดง่ายๆ เหมือนที่ดิน ถ้าเราสะสมซื้อที่ดินไปเรื่อยๆ
ความรวยจริงๆ ก็คือ "ขนาดของที่ดิน x ราคาที่ดินในอนาคต"
4 ปันผลเป็นของแถม
จะบอกว่า ปันผล คือ ของแถมที่ดีที่สุดในการออมหุ้น ที่ทำให้ชีวิตมีอิสรภาพทางการเงิน
5. เวลาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของคนออมหุ้น
เคล็ดลับของเวลาคือ สร้างดอกเบี้ยทบต้นในการลงทุน
ที่เราเห็นคนมีพอร์ตหุ้นโตเป็นสิบ เป็นร้อยเท่าของเงินเริ่มต้น มันเกิดจาก "เวลา x ผลตอบแทน"
คิดง่ายๆ ถ้าเราแค่ ซื้อๆขายๆ มันก็จะได้แค่กำไร
แต่กำไรจะไม่ทบต้นทบดอก (จะไม่โตก้าวกระโดดแบบคนที่ทนถือยาว)
จุดที่ต้องระวัง คือ การเปรียบเทียบ
หลายๆ คนหยุดออมหุ้น เพราะ ไปเทียบผลตอบแทนกับคนเทรด
แน่นอน การเทรดในระยะสั้น มันได้เงินเร็วกว่า ก็เลยทำให้หลายๆ คนเลิกออม แล้วสุดท้ายก็ต้องเทรดไปตลอด ไม่สามารถหยุดได้
เหมือนที่คนชอบพูดกันว่า "ทำงานแลกเงิน" กับ "ให้เงินทำงาน" ก็พูดกันเยอะ แต่เวลาทำจริง มันยากกว่า
มันต้องผ่านบททดสอบ 5 ข้อที่ว่ามา แถมเราเองก็จะสงสัยเรื่อยๆ ว่า สุดท้ายแบบไหนเหมาะกับเรา
เอาตรงๆ นะ เราทุกคนควรทดลองทั้ง 2 แบบ แล้วเทียบกันในระยะยาว สุดท้ายแบบไหนเราทำได้ดีกว่า ก็คือ นั่นแหละ เหมาะกับเรา