#แนวคิดด้านการลงทุน

วิกฤตใหญ่ จะมาอีกจริงมั๊ย ?

โดย อธิป กีรติพิชญ์
เผยแพร่:
105 views

ช่วงนี้มีมิตรสหายสายลงทุนทั้งหลาย ต่างก็มีคำถามว่า คิดว่าวิกฤตใหญ่จะมา(อีกแล้ว) จริงมั้ย?

 

สาเหตุที่ถาม ก็เป็นที่ทราบกันดีว่า ช่วงเวลานี้ ปัจจัยการลงทุนมหภาคดูเลวร้ายในแทบทุกภาคส่วน ทั้งสงคราม การขึ้นดอกเบี้ย การดูดสภาพคล่องออก และเงินเฟ้อที่ขึ้นสูง 

 

ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกตั้งแต่เปิดปี 2565 เป็นต้นมา ติดลบกันแทบทั้งสิ้น ทั้งหุ้นไทย หุ้นเทค คริปโต ลองไล่เรียงผลตอบแทน YTD (Year to Date) ของตลาดหุ้นที่น่าสนใจกันครับ (as of May 6th)

  • สหรัฐอเมริกา S&P500 -13% 
  • สหรัฐอเมริกา หุ้นเทคฯ NASDAQ -23.3% 
  • ยุโรป Euro Stoxx 600 -10.2% 
  • จีน CSI300 -18.8% 
  • เกาหลีใต้ KOSPI -10.1% 
  • เวียดนาม VN Index -9.2% 
  • ไทย SET -2% 

 

คิดว่าวิกฤตใหญ่จะมา(อีกแล้ว) จริงมั้ย? ก็ต้องบอกว่าไม่ทราบครับ แต่ผมมีข้อสังเกตดังนี้


1. วิกฤตที่แท้ต้องคาดการณ์ล่วงหน้าไม่ได้

จะเกิดก็ต้องเกิดเลย ก่อนหน้าที่จะเกิดขึ้น คนเกินครึ่งไม่เชื่อหรือไม่รับรู้ถึงมหันตภัยที่กำลังจะมา 

  • ก่อนหน้าวิกฤตต้มยำกุ้ง 2540 คนไทยส่วนใหญ่ก็ไม่เชื่อว่าจะเกิดวิกฤต ไม่อย่างนั้นจะกล้ากู้เงินต่างประเทศกันมากมายขนาดนั้นเชียวหรือ 
  • ก่อนหน้าวิกฤต Subprime 2551 คนอเมริกันส่วนใหญ่ก็ไม่เชื่อว่าจะเกิดวิกฤต ไม่อย่างนั้นจะเกิดฟองสบู่อสังหาฯ และตราสารการเงินบางชนิด กันมากมายขนาดนั้นเชียวหรือ 
  • ก่อนหน้าวิกฤต Covid 2563 คนส่วนใหญ่ก็ยังไม่เชื่อว่าจะเกิดวิกฤตโรคระบาดครั้งใหญ่ในรอบร้อยปี ที่ติดจากคนสู่คนได้ง่ายๆ ต้องปิดเมืองปิดประเทศ หุ้นจะลงหนักทั่วโลกขนาดนี้ 

 

2. วิกฤตเศรษฐกิจ...ไม่ได้เกิดขึ้นได้ง่ายๆ 

ผมคิดว่า นักลงทุนกำลังจำภาพของวิกฤตโควิดปี 2563 ที่ยังติดตาสดๆอยู่ ประกอบกับหุ้นเทคโนโลยีและสินทรัพย์ดิจิตอล คริปโตแอสเส็ทที่ปรับตัวลงแรงในปีนี้ ทำให้จินตนาการไปผสมกับเหตุการณ์ Dot Com Bubble ปี 2543 ก็เลยทำให้เมื่อมีความเสี่ยงอะไรก็ตามกับระบบเศรษฐกิจ ผู้คนก็คิดว่าจะเกิดวิกฤตใหญ่ไปหมด 

 

ราคาน้ำมันที่ลงกระทั่งติดลบเมื่อ 2 ปีที่แล้ว หรือการปิดเมืองปิดประเทศมาหลายครั้งหลายหน ก็ไม่ได้ทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจในระดับประเทศแทบล้มละลาย(แบบวิกฤตต้มยำกุ้ง หรือ Subprime)

 

การแก้ปัญหาเศรษฐกิจโดยรัฐบาลและธนาคารกลางในพ..นี้ มีเครื่องมือมากมายกว่ายุคสมัยต้มยำกุ้งที่ประเทศไทยต้องกู้ IMF แล้วถูกบังคับให้รัดเข็มขัดทั้งประเทศ และปล่อยให้ธุรกิจน้อยใหญ่ล้มละลายเป็นจำนวนมากๆ ไม่มีใครทำแบบนั้นอีกแล้ว วิกฤตโควิดที่ผ่านมาฉายภาพได้ชัดเจนที่สุด เศรษฐกิจสามารถทนแรงกระแทกได้ มากกว่าที่คนส่วนใหญ่คิดเอาไว้มาก

 

 

3. เศรษฐกิจฝืดเคือง ไม่เท่ากับ วิกฤตเศรษฐกิจ 

แม้ว่าช่วงนี้ดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น ในขณะที่การบริโภคในประเทศไทยยังไม่ฟื้นตัวจากภาวะโควิดปิดเมือง แต่ข่าวดีคือประเทศไทยกำลังจะออกจากโควิดและทยอยเปิดเมืองเต็มรูปแบบภายในกลางปี 2565 นี้ แม้ว่าการบริโภคในประเทศและนักท่องเที่ยวจะยังไม่กลับมา แต่เศรษฐกิจขาลงแบบฝืดๆ ยังไม่พอที่จะพัฒนากลายเป็นวิกฤตเศรษฐกิจได้ การจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจได้ต้องเกิดจากนโยบายการเงินที่ผิดพลาด (ซึ่งเป็นต้นเหตุของวิกฤตต้มยำกุ้ง 2540 และ Subprime 2551) หรือต้องเกิดเหตุการณ์ Black Swan ระดับโรคระบาดในรอบร้อยปีอย่างโควิด-19

 

เศรษฐกิจฝืดเคืองเพราะสภาวะเงินเฟ้อและ Bond Yield ปรับสูงขึ้น ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจได้


คำว่าเศรษฐกิจฝืดเคืองนั้นที่จริงก็ยังมีการเติบโตอยู่ เช่น เศรษฐกิจไทยในทุกวันนี้ก็ต้องนับว่าฝืดเคืองแต่ก็ยังมีการเติบโตอยู่ เมื่อเดือนมกราคม 2565 'เวิลด์แบงก์' เคยคาดการณ์ว่า GDPไทยจะขยายตัวได้ 3.9%

 

ต่อมาในเดือนเมษายน 2565 ก็ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ GDP ไทยในปีนี้ลงเหลือ 2.9% สาเหตุสำคัญจากความเสี่ยงในต่างประเทศ โดยเฉพาะเหตุการณ์ในสงครามรัสเซียยูเครนที่ส่งผลต่อราคาพลังงานโลก การขึ้นดอกเบี้ยโดย FED และเศรษฐกิจที่อาจจะชะลอตัวในยุโรป 

 

เศรษฐกิจไทยที่ว่าจะฝืดเคืองนั้น ก็ยังมีการเติบโตอยู่  ไม่เหมือนกับวิกฤตเศรษฐกิจซึ่งเป็นการเติบโตแบบติดลบ ดังนั้น วิกฤตเศรษฐกิจใหญ่จะมาอีกจริงไหม? ... โดยส่วนตัวไม่เชื่อว่าจะมี และช่วงเวลาที่มีปัจจัยความไม่แน่นอนและราคาหุ้นปรับลดลง ก่อนที่จะมีการเปิดเมืองอย่างเต็มรูปแบบของไทยนั้น อาจจะเป็นโอกาสการลงทุนที่ดีก็ได้


เจ้าของหนังสือ Best Seller “ติวหุ้น รวยด้วยวีไอ” และยังเป็นวิทยากรคอร์ส “ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐานแบบ Value/Growth Investor” ด้วยประสบการณ์ในตลาดทุนกว่า 17 ปี และประสบการณ์ในการเป็นติวเตอร์ บวกกับความเป็นคนอารมณ์ขัน  ทำให้คุณนิ้วโป้งสามารถถ่ายทอดเรื่องยาก อย่างการลงทุน ให้เข้าใจได้ง่าย และยังใช้ภาษา ลีลาที่มีเอกลักษณ์น่าสนใจอย่างยิ่ง จึงทำให้ได้รับเชิญไปบรรยายในงานต่างๆ มากมาย

Facebook

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง