#แนวคิดด้านการลงทุน

มองหาโอกาสลงทุนในยุคอาหารแพง

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
119 views

ปัจจุบัน โลกกำลังเจอกับปัญหาเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคมีน้อยลง

 

และโลกของเราก็กำลังจะเจอกับปัญหาวิกฤตอาหารโลก ซึ่งมีสาเหตุสำคัญ 3 ประการ คือ


1. ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน
2. ราคาปุ๋ยแพง
3. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ


โดยเฉพาะอยางยิ่งเรื่องของราคาปุ๋ยที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ .. 

 

รู้หรือไม่ ว่าราคาปุ๋ย (Fertilisers) ได้เพิ่มขึ้นมากว่า 69% สูงกว่าที่ World Bank คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นราวๆ 6% เท่านั่น 

 

ไม่เพียงแค่นั่น ราคาพลังงาน +51% สูงกว่าที่ World Bank คาดจะปรับตัวเพิ่ม 2% ในปีนี้


... ราคาน้ำมันเพื่อใช้ทำอาหาร ปรับตัวเพิ่ม 30%
...
ราคาเนื้อสัตว์ เพิ่ม 22%
...
ข้าวสาลี เพิ่มขึ้น 20%

 

เมื่อต้นทุนเพิ่มขึ้น ราคาก็ต้องเพิ่มขึ้น เกษตรกรแบกรับต้นทุนไม่ไหวก็ต้องเลิกปลูก เลิกผลิต ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนมากขึ้นกว่าเดิม ราคาอาหารก็แพงขึ้นเป็นทวีคูณ

 

คำถามคือ ถ้าเรากำลังเข้าสู่ยุคอาหารแพง เราในฐานะนักลงทุนควรจะมองเป็นโอกาส หรือความเสี่ยงกันแน่ ?

 

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส วิเคราะห์ว่า ในยุคอาหารแพง จะหนุนให้ราคาสินค้าเกษตรสูงขึ้น ยังมีกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จากประเด็นเหล่านี้อยู่

 

โดยฝ่ายวิจัยได้วิเคราะห์ออกเป็นกลุ่ม Soft Commodity แบบนี้ครับ

 

1. ราคาหมู, ราคาไก่ ปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างเช่นราคาหมูทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากปัญหาสุกรขาดแคลน 

 

รวมถึงราคาไก่ปรับตัวสูงขึ้นมากโดยเฉพาะในมาเลเซีย มองเป็นโอกาสต่อผู้ประกอบการไทย เช่น GFPT TFG CPF ที่อาจจะได้รับประโยชน์จากกลุ่มลูกค้าใหม่ เช่น สิงคโปร์ ที่มาซื้อไก่จากไทย

 

2. กากถั่วเหลือง ราคาขึ้นมาสักพัก แต่ต้นเดือนที่ผ่านมาราคาปรับตัวลง 10% ทำให้ต้นทุนอาหารสัตว์ลดลง เป็นประโยชน์ต่อผู้เลี้ยงสัตว์ จะทำให้มาร์จิ้นเพิ่มสูงขึ้น (อาหารสัตว์ถูกลง ต้นทุนเลี้ยงถูกลง แต่ขายสัตว์ได้เพิ่มขึ้น มาร์จิ้นเพิ่มขึ้น)

 

3. ราคาน้ำมันปาล์ม เพิ่มสูงขึ้นมากโดยเฉพาะในอินโดนีเซียที่มีประกาศว่าจะระงับส่งออกน้ำมันปาล์มชั่วคราว (แต่ได้ยกเลิกไปแล้วในวันที่ 23 พฤษภาคม) แต่ราคาปาล์มก็ยังอยู่ในระดับสูงถือเป็นผลบวกต่อผู้ประกอบการน้ำมันปาล์ม เช่น UVAN UPOIC และ VPO

 

4. ราคาน้ำตาล ช่วงต้นเดือนมีการปรับเพิ่มขึ้นราวๆ 5% จากแนวโน้มว่าผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่อย่างบราซิลอาจจะจำกัดการส่งออกน้ำตาล ด้วยราคาที่เพิ่มขึ้น ส่งผลต่อผู้ผลิตน้ำตาล เช่น KSL KTIS KBS และ BRR

 

5. ราคายาง ต้ังแต่ช่วงโควิดราคายางก็ปรับตัวสูงขึ้นมาตลอด รวมถึงในอินโดนีเซียเกิดปัญหาโรคใบร่วงทำให้ยางพาราออกสู่ตลาดน้อยลง ราคาจึงปรับตัวสูงขึ้น เป็นบวกต่อผู้ผลิต เช่น NER และ STA 

 

จะเห็นได้ว่า ในวิกฤตก็มีโอกาสอยู่เหมือนกันครับ ...

----------------------------------------------------

Reference

investmentmonitor.ai

reuters.com
ฐานเศรษฐกิจออนไลน์
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง