โรคระบาดรอบต่อไปที่จะมากดดันตลาดหุ้นโลก อาจจะเป็น "ฝีดาษลิง"
"ฝีดาษลิง" เชื่อว่าเราน่าจะเห็นข่าวนี้กันมาบ้างตามหน้าสื่อโซเชียลฯ โดยที่ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก เพราะมันอาจจะเป็นแค่โรคระบาดธรรมดา อีกสักพักก็คงจบไป
ซึ่งนั้นหมายความว่าเรากำลังประมาท และปล่อยให้โรคนี้กลายเป็นโรคระบาดที่ยากเกินกว่าจะควบคุมเหมือนตอนโควิดก็เป็นได้
จากข่าวปัจจุบัน ฝีดาษลิง ได้เริ่มระบาดทั่วโลก ซึ่งผู้ติดเชื้อและผู้สงสัยว่ามีแนวโน้มจะเป็นมากกว่า 100 ราย และประเทศที่พบเป็นประเทศแรกพร้อมการกักตัว 21 วัน คือ เบลเยี่ยม มีการพบผู้ติดเชื้อแล้ว 4 ราย
อีกทั้งผู้ที่ติดเชื้อมากกว่าครึ่ง ไม่เคยมีประวัติเดินทางไปประเทศในแถบแอฟริกาที่เป็นแหล่งกำเนิดโรคฝีดาษลิง ทำให้นักวิทยาศาสตร์เริ่มสงสัยแล้วว่าโรคอาจจะกลับมาระบาดอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นกรณีที่ผิดปกติ
อย่างไรก็ตาม องค์การอนามันโลกยอมรับว่า การแพร่ระบาดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมากในอนาคตอันใกล้นี้ แต่โรคนี้แตกต่างจากโควิด กล่าวคือ
1. ในวงการแพทย์ และวิทยาศาสตร์ เรามีวัคซีนและยารักษาโลกนี้ไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย
2. การแพร่กระจายทำไม่ได้ง่ายนัก โดยส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะจากสัตว์สู่คน การแพร่กระจายจากคนสู่คนทำได้จากการสัมผัสใกล้ชิด รวมถึงการมีเพศสัมพันธ์
3. อัตราการตาย "ต่ำ"
แล้วแบบนี้ เราควรจะกังวลอะไรกันแน่ ?
ประเด็นที่น่ากังวล คือ ถ้าโรคนี้มีการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว จะถือเป็นปัจจัยที่รบกวนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและตลาดหุ้นในอนาคตได้ ถ้าเกิดการระบาดอาจจะมีเรื่องของการปิดเมือง กักตัว ทำให้ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อที่สูงอยู่แล้ว อาจจะถูกกดดันในเรื่องของการปิดเมืองอีก
อีกทั้ง โรคฝีดาษลิงสามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีนไข้ทรพิษ ที่โลกเรามียารักษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่วัคซีนไข้ทรพิษไม่ได้มีแพร่หลายในทุกประเทศ แถมเกือบถูกทำให้หายไปจากคลังวัคซีนโลกมาแล้ว การกลับมาผลิตใหม่อาจจะต้องใช้ระยะเวลา และถ้าเกิดการระบาดอย่างรวดเร็วก็อาจจะไม่เพียงพอต่อมนุษย์โลกทั้งหมด
ดังนั้น นักลงทุนอาจจะต้องติดตามประเด็นนี้อย่างใกล้ชิดครับ ไม่แน่ว่าสิ่งที่เรากังวลครั้งต่อไปคือโรคระบาดที่ชื่อว่า "ฝีดาษลิง" ก็เป็นได้
-------------------------------------------------------------
Reference
- bbc.com
- บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส