หุ้น EA ถือเป็นอีกหนึ่งหุ้นน้ำดีของตลาดหุ้นไทยไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการขยายธุรกิจที่บริษัทพยายามเข้าไปรุกธุรกิจใหม่อยู่เรื่อยๆ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การผลิตไฟฟ้าเท่านั้น รวมถึงในแง่ราคาหุ้นที่ค่อนข้าง Outperform ตลาดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ถ้าดูราคาหุ้นย้อนหลัง ในรอบ 1 ปี หุ้น EA ให้ผลตอบแทนสูงถึง 45%
ในรอบ 5 ปี หุ้น EA วิ่งไปแล้วกว่า 200%
ยังไม่รวมว่านับตั้งแต่เข้ามาตลาดหุ้น สร้างผลตอบแทนสูงถึง 1,000% เข้าไปแล้ว

แล้วทำไมในช่วง 1-2 เดือนมานี้ หุ้น EA ไม่ outperform ตลาดเหมือนในช่วงที่ผ่านมา ?
สาเหตุเป็นเพราะว่า หุ้น EA ยังมีปัจจัยลบที่นักลงทุนยังค่อนข้างน่ากังวล อยู่ ... อยากจะเล่าให้ฟังแบบนี้ครับ

ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์เอเชียพลัส วิเคราะห์ว่าหุ้น EA มี 2 ประเด็นที่ตลาดกังวลคือ
1. ธุรกิจใหม่ที่บริษัทไปลงทุน ไม่มีนัยสำคัญมากนักต่อผลประกอบการในระยะสั้น
2. ราคาหุ้นเกิน Fair Value ที่ตลาดให้ไว้ค่อนข้างมาก

ประเด็นแรก คือ เรื่องของการลงทุนในธุรกิจใหม่ของ EA อาจจะสะดุด
ถ้าใครติดตามข่าว เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2565 บริษัทได้ใช้เงินกว่า 3.3 พันล้านบาทเข้าซื้อบริษัท สมาร์ทบัส จำกัด (SMB)
ซึ่ง SMB ยังมีผลประกอบการขาดทุนต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2561-2563 เท่ากับว่าการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ EA จะยังไม่ช่วยสร้างกำไรให้กับ EA เท่าไรนัก จนกว่าจะมีแผนในการปรับกลยุทธ์ใหม่ และ SMB เริ่มกลับมามีกำไร

อย่างไรก็ตาม บทวิเคราะห์มองว่า ด้วยสมมุติฐานของฝ่ายวิจัย SMB น่าจะสร้างรายได้ให้ EA ราวๆ 1.5 - 3.7 พันล้านบาทต่อปี ... ซึ่งประเด็นนี้เป็นเรื่องของอนาคต

อีกทั้งประเด็นเรื่องของการส่งมอบรถ E-Bus ที่นักลงทุนมองบวกมาโดยตลอด รวมถึงตลาดมองว่าถ้าธุรกิจ E-Bus ของบริษัทขายได้ 100 คัน ราคาเฉลี่ย 7.7 ล้าน และมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 10% จะส่งผลต่อกำไรให้กับ EA อยู่ที่ 50-60 ล้านบาท ซึ่งไม่ได้มีนัยสำคัญมากนัก อีกทั้งผลงานที่ผ่านมาบริษัทยังทำได้ต่ำกว่าเป้าหมายมาตลอด ....

ประเด็นที่สอง คือ ราคาหุ้นเกิน Fair Value ที่ตลาดให้ไว้ค่อนข้างมาก
ฝ่ายวิจัยเอเชียพลัส ให้ราคาเหมาะสมของ EA อยู่ที่ 60 บาทต่อหุ้น
ในขณะที่ราคาปัจจุบันของ EA อยู่ที่  85 บาท

ฝ่ายวิจัยวิเคราะห์ว่ากำไรของ EA ปีนี้น่าจะอยู่ที่ 6.3 พันล้าน เติบโตประมาณ 11% จากแรงหนุนในธุรกิจไบโอดีเซล
ส่วนธุรกิจไฟฟ้า จะเห็นการอ่อนตัวเพราะปริมาณกระแสลมที่น้อยลง
ส่วนธุรกิจแบตเตอร์รี่ และยานยนต์ ต้องรอความชัดเจนในเรื่องของการฟื้นตัว และการส่งมอบรถ E-Bus ที่มากขึ้น

โดยภาพรวมแล้ว ฝ่ายวิจัยมีความกังวลว่าราคาหุ้น EA ที่ขึ้นไป เกิดจากความคาดหวังที่มีอยู่มากต่ออนาคตของ EA ซึ่งตอนนี้ภาพที่เห็น คือธุรกิจที่ไปลงทุนอาจจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะ กว่าจะเริ่มมีนัยสำคัญมากต่อผลประกอบการ
... นักลงทุนอาจจะต้องมองยาวกันสักหน่อยครับ
แต่นานมากแค่ไหน ยังไม่มีใครตอบได้

--------------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส