ว่ากันว่าถ้าวอลสตรีทแค่จาม โลกก็จะป่วยไข้ ...
คำพูดที่ว่า "วอลสตรีทจาม" กำลังจะปรากฏเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ เมื่อนักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs วิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจของอเมริกามีความเสี่ยงสูงมากๆที่จะเกิดภาวะถดถอย
โดยก่อนหน้านี้ Goldman Sachs มองว่า GDP ของสหรัฐจะเติบโตราวๆ 2.6% ในปีนี้ ก่อนที่จะปรับลดลงเหลือ 2.4%
พร้อบกับมองว่าในปีหน้าอาจจะโตได้ราวๆ 1.6% ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ต่ำมาก
สาเหตุที่เป็นแบบนั่นเพราะ ราคาน้ำมันที่อยู่ในะดับสูง เงินเฟ้อพุ่ง ส่งผลให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม และเป็นระดับต่ำสุดนับแต่ปี 2011
ไม่เพียงแค่นั่น ราคาผู้บริโภคพุ่งขึ้น 8.3% ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา กดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐพยายามปรับเพิ่มดอกเบี้ยเพื่อลดความรุนแรงของเงินเฟ้อ
แต่เรื่องของการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะเป็นการ "ดึงสภาพคล่องกลับ" ทำให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยงไปถือสินทรัพย์ประเภทตราสารหนี้ ไม่แปลกใจที่ช่วงนี้ตลาดหุ้นวอลสตรีทจะเกิดความผันผวนอย่างหนัก
เมื่อวอลสตรีทผันผวนอย่างหนัก ย่อมส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ของสถาบัน Goldman Sachs มองว่าท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐทำได้ดีแล้ว และเชื่อว่าจะจัดการกับเงินเฟ้อได้อย่างแน่นอน
รายงานของ Goldman Sachs เรียกการชะลอตัวของเศรษฐกิจในเวลานี้ว่าเป็น ‘การชะลอการเติบโตที่จำเป็น’ เพื่อช่วยควบคุมค่าจ้างไม่ให้สูงขึ้น และลดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายที่ 2% ส่วนตัวเลขการว่างงานที่เพิ่มขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่สามารถมองข้ามไปได้ก่อน
-------------------------------------
Reference
bloomberg.com