โดย stock2morrow
112 views"ไม่แน่ว่าโมเดลธุรกิจ Buy now, pay later อาจจะทำให้เกิดฟองสบู่ลูกใหม่ในยุคของคน Gen Z ..."
แนวคิดบริการ Buy now, pay later (ขอเรียกสั้นๆว่า BNPL) หรือซื้อก่อน จ่ายทีหลัง คือ ผู้บริโภคสามารถซื้อของที่ต้องการได้ทันที โดยไม่ต้องจ่ายเงินออกไปก่อน ผู้บริโภคจะขยายระยะเวลาในการชำระออกไป อีกทั้งมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำหรือแทบจะไม่มีเลย จึงเป็นบริการที่ถูกใจผู้บริโภคมากๆ
เพราะผู้บริโภคคิดว่า ของชิ้นนี้ยังไม่ได้จ่ายเงินซื้ออกไป แต่ได้สินค้ามาใช้ก่อนซึ่งตามหลักจิตวิทยาแล้วจะทำให้เรามีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม
ว่ากันว่าโมเดลธุรกิจประเภท BNPL อาจจะมาดิสรัปธุรกิจบัตรเครดิต ซึ่งก็อาจจะเป็นเรื่องที่พอจะเป็นไปได้ เพราะการจะทำบัตรเครดิตจะต้องมีสลิปเงินเดือน มีการทดสอบในการชำระหนี้ได้ถึงจะสามารถขออนุมัติเปิดบัตรเครดิต
แต่สำหรับ BNPL แทบจะไม่ต้องทำแบบนั่นเลย ...
ถ้าเราซื้อของผ่านแอป Online Marketplace บ่อยๆ ทางแอปแทบจะยื่นข้อเสนอให้เราเลย ทำให้การขอใช้บริการ BNPL สะดวก รวดเร็ว และคล่องมือกว่าการใช้บัตรเครดิตเยอะมากๆ
แต่รู้หรือไม่ว่า ด้วยความนิยม BNPL อาจจะกำลังก่อตัวเป็นฟองสบู่เศรษฐกิจลูกใหม่ ...
บทวิจัยจาก Harvard Kennedy School ชี้ให้เห็นว่าผู้บริโภคมีแนวโน้มจะใช้ BNPL มากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มต้นจากของราคาชิ้นเล็กๆอาจจะ 5-10 ดอลล่าร์ แน่นอนว่าด้วยเงินขนาดนี้ไม่ก่อให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้ เพราะผู้บริโภคแทบจะชำระได้ทันที
... เมื่อใช้ไปนานๆเข้า จะเริ่มสูงขึ้นเป็น 100 ดอลล่าร์ ... ยังไม่มีปัญหา
... ติดใจมากขึ้น อาจจะเป็น 1,000 ดอลล่าร์ จะเริ่มเป็นปัญหาแล้ว
จะเห็นว่า การใช้จ่ายจะสูงมากขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายผู้บริโภคยากจะชำระคืนในท้ายที่สุด
บทวิจัยยังพบว่าช่วงวิกฤตโควิด พบเห็นผุ้บริโภคจำนวนมากซื้อเครื่องออกกำลังกายของ Peloton ราคาราวๆ 2,000 เหรียญ (6 หมื่นบาท) พร้อมกับของใช้ประเภทรองเท้า ถุงเท้า
บทวิจัยฝากข้อสังเกตว่า ถ้าผู้บริโภคเริ่มซื้อของใช้ส่วนตัวโดยใช้เครดิต นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาที่มากขึ้นกว่าเดิม ...
บทวิเคราะห์จาก LendingTree ชี้ว่า ...
มีผู้ใช้บริการ BNPL กว่า 70% ใช้จ่ายมากกว่าเงินที่ตัวเองหาได้
มีผู้ใช้บริการ BNPL กว่า 42% จ่ายเงินไม่ตรงเวลา เมื่อครบกำหนด
และใน 42% ข้างต้น กว่าครึ่งเป็นคนในรุ่น GenZ
สอดคล้องกับความเห็นจากบทวิเคราะห์จาก Piplsay ที่บอกว่าคนรุ่น GenZ มีแนวโน้มจะใช้ BNPL ก่อนกดสั่งซื้อสินค้า และสินค้าแต่ละชิ้นจะเริ่มมีมูลค่าสูงขึ้นเรื่อยๆ
"ถ้าเราเอาเงินในอนาคตมาใช้จ่าย แล้วมีความสามารถในการจ่ายคืนได้ มันจะไม่ใช่ปัญหา ... แต่ปัญหามันจะเกิดก็ต่อเมื่อ คุณใช้จ่ายมากกว่าที่ตัวเองหาได้ และเริ่มมีการจ่ายล่าช้า ระบบ BNPL จะเริ่มคิดค่าธรรมเนียม คิดดอกเบี้ยซึ่งจะเพิ่มขึ้นราวๆ 5-10% จากราคาสินค้า และยิ่งจ่ายล่าช้ามากกว่าเดิม ดอกเบี้ยก็จถูกทบต้อนขึ้นไปเรื่อยๆ"
นักวิเคราะห์จากสถาบัน Harvard Kennedy School กล่าว
ปัจจุบันขนาดตลาดของ BNPL มีมูลค่าสูงถึง 90.69 พันล้านเหรียญ
จากบทวิเคราะห์ของ Alliedmarket research คาดว่าตลาด BNPL จะโตเฉลี่ยปีละ 45.7% ในปี 2021 - 2030
นั่นหมายความว่าในปี 2030 ตลาด BNPL จะมีมูลค่าสูงถึง 3.98 ล้านล้านเหรียญ
บทวิเคราะห์จาก Harvard Kennedy School แสดงความคิดเห็นว่าโมเดลธุรกิจนี้อาจจะกลายเป็นฟองสบู่ในเศรษฐกิจอนาคต โดยเฉพาะคนรุ่น GenZ จะได้รับผลกระทบมากที่สุด
------------------------------------------------
Reference
