เป็นอะไรที่น่าประหลาดใจอยู่เหมือนกันกับ KAMART กับประเด็นเรื่องของการไปรุกธุรกิจใหม่ นั่นคือการปลูกป่า และการอนุรักษ์สัตว์น้ำ
สาเหตุที่ทำให้นักลงทุนรู้สึกแปลกใจว่าคืออะไร
... เราต้องเข้าใจก่อนว่าธุรกิจเดิมของ KAMART คือ ธุรกิจเครื่องสำอางที่เน้นลูกค้าระดับกลาง เน้นกลุ่มวัยรุ่น-วัยทำงาน แต่การทำเครื่องสำอางอย่างเดียวอาจจะไม่พอ จะเห็นว่า KAMART มีการปรับตัวตลอดเวลา เช่น หันไปทำธุรกิจ Personal Care, ธุรกิจ Household Cleaning, ธุรกิจน้ำหอม รวมถึงการเปิดตัวสินค้าแบรนด์ใหม่ๆในกลุ่มเครื่องสำอาง

พูดง่ายๆ คือ ในสายตาของนักลงทุนเวลาพูดถึง KAMART ก็มักจะหมายถึงหุ้นที่อยู่ในธุรกิจเครื่องสำอาง ธุรกิจด้านความงาม
แต่เมื่อต้นปีนี้ บริษัทได้ประกาศเข้าลงทุนบริษัท ป่า ดอนพุทรา จํากัด พร้อมกับการซื้อที่ดินประมาณ 700 ไร่ เพื่อลงทุนทำธุรกิจ 2 อย่างด้วยกัน คือ

1. การปลูกป่า ... ประเภทไม้ยืนต้นและผลิตภัณฑ์การเกษตร โดยจะใช้พื้นที่ประมาณ 300 ไร่

2. การอนุรักษ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่ที่ใกล้สูญพันธุ์ โดยใช้พื้นที่ประมาณ 400 ไร่
ซึ่งช่วงต้นปี อาจจะยังไม่มีข้อมูลอะไรมากนัก ประกอบกับยังไม่มีบทวิเคราะห์พูดถึงประเด็นนี้ ก็เลยอาจจะต้องให้เวลาสักพักอาจจะมีอะไรคืบหน้า
... จนกระทั่งเริ่มมีบทวิเคราะห์พูดถึง เลยอยากหยิบประเด็นนี้มาเล่าให้ฟังครับ

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์หยวนต้า พูดถึงประเด็นนี้ไว้ว่า การเข้าลงทุนในธุรกิจใหม่นี้ สิ่งแรกที่บริษัทจะได้ คือ การขุดหน้าดินไปขาย ซึ่งจะได้ราวๆ 20 ล้านลูกบาศก์เมตร และรายได้จากตรงนี้จะรับรู้ได้ค่อนข้างเร็ว และต่อเนื่องไปอีกราวๆ 5 ปี
บทวิเคราะห์คาดว่า จะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 1 ปีนี้ ประมาณ 200 ล้านบาทต่อปี
อีกทั้งยังมี Margin ที่ค่อนข้างสูงด้วย อยู่ที่ 70% ซึ่งสูงกว่าการขายเครื่องสำอาง ซะอีก ...

แล้วถ้าถามว่าผลประกอบการของ KAMART ในปี 2565 จะเป็นอย่างไรบ้าง
คำตอบ ก็คือ ออกมาโดดเด่น
โดยบทวิเคราะห์ มองว่า ความต้องการเครื่องสำอางสูงขึ้น คนเริ่มออกมาจับจ่ายใช้สอย อีกท้ังบริษัทมีการเพิ่มช่องทางจัดจำหน่าย เข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากขึ้น ออกผลิตภัณฑ์ในหมวดใหม่ๆที่ไม่ใช่แค่เครื่องสำอางอย่างเดียว และการควบคุมต้นทุนจะส่งผลให้บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้นด้วย

เฉพาะไตรมาส 1 บทวิเคราะห์มองว่าบริษัทจะมีรายได้ราวๆ 457 ล้านบาท โตขึ้น 34% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

สำหรับเต็มปี 2565 บทวิเคราะห์มองว่ากำไรสุทธิของบริษัทจะอยู่ราวๆ 231 ล้านบาท จาก 4 ประเด็น คือ
1. การเติบโตของอุตสาหกรรมความงาม
2. การขายหน้าดิน 400 ไร่ .. และยังมี Margin สูง
3. การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายทั้งไทยและต่างประเทศ
4. การรุกตลาดใหม่ เช่น สินค้า Household

ก็ถือเป็นอีกปีที่น่าสนใจของ KAMART สอดคล้องกับราคาหุ้นที่ขึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว
แต่สิ่งที่ยังรู้สึก "สงสัย" คือ ธุรกิจปลูกป่าและอนุรักษ์สัตว์น้ำ จะสามารถ Synergy กับธุรกิจเครื่องสำอางได้อย่างไร หรือจะเป็นการรุกธุรกิจใหม่ของ KAMART ไปเลย
ประเด็นนี้ก็ต้องติดตามกันต่อไปครับ

-----------------------------------------
Reference

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์หยวนต้า

ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์

hooninside.com