#แนวคิดด้านการลงทุน

หุ้น 10 เด้งอย่าง PetroChina กับการขาดทุนใน ConocoPhillips

โดย ธีรัตม์ กฤตยาภัทร
เผยแพร่:
243 views

Berkshire Hathaway เข้าสะสมหุ้น PetroChina Company ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทน้ำมันแบบครบวงจร (Integrated Oil Company) ตั้งแต่ปี 2002-2003 จำนวน 2,338,961,000 หุ้น หรือประมาณ 1.3% ของบริษัทด้วยต้นทุน 488 ล้านดอลล่าร์ 

4 ปีหลังจากนั้น ด้วยการเข้าซื้อในช่วงเวลานั้น Berkshire ประสบความสำเร็จอย่างมากกับการเพิ่มขึ้นของมูลค่าธุรกิจของ PetroChina เพราะราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นจาก 20 เหรียญในปี 2002 มาเป็น 60 เหรียญต่อบาร์เรลในช่วงปี 2007และ PetroChina ราคาหุ้นขึ้นเร็วมากจนกลายเป็นธุรกิจ Integrated Oil ที่ใหญ่กว่าราชาอย่าง Exxon Mobil ได้ชั่วขณะหนึ่ง

ในที่สุด Berkshire ก็ขายหุ้นของ PetroChina ออกไปด้วยมูลค่า 4 พันล้านดอลล่าร์ หรือประมาณเกือบ 10 เท่าของต้นทุน

อย่างไรก็ตาม ในปี 2007 ปีเดียวกันนั้นเอง Berkshire เข้าซื้อหุ้นบริษัทสำรวจและพัฒนาปิโตรเลียมที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งชื่อ ConocoPhillips จำนวน 17,508,700 หุ้น ด้วยต้นทุน 1,039 ล้านดอลล่าร์ และในปี 2008 ที่เกิดวิกฤติ Berkshire ได้ซื้อหุ้น ConocoPhillips เพิ่มอีกเป็น 84,896,273 หุ้น ต้นทุน 7,008 ล้านดอลล่าร์

แต่ในปีนั้นเมื่อเกิดวิกฤติขึ้น ทำให้ราคาหุ้นและราคาน้ำมันร่วงลงอย่างรวดเร็วจากจุดสูงสุดจาก 140 ดอลล่าร์มาที่ 40-50 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรล จนทำให้มูลค่าของหุ้น ConocoPhillips ลดลงเหลือ 4,398 ล้านดอลล่าร์ ณ วันสิ้นปี 2008 หรือร่วงไปกว่า 37% ด้วยกัน

Buffett ยอมรับว่าเขาตัดสินใจซื้อหุ้น ConocoPhillips พลาด ทั้งๆที่ไม่ได้ปรึกษา Charlie Munger แต่ก็ซื้อไปโดยไม่สามารถคาดได้เลยว่าราคาน้ำมันจะร่วงลงเยอะแบบนี้ Buffett เชื่อว่าในอนาคตราคาน้ำมันจะต้องขึ้นไปสูงกว่าระดับ 40-50 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรลอีกมาก แต่เขาก็ยอมรับว่าความผิดพลาดตรงนี้ทำให้ Berkshire ต้องเสียเงินไปเป็นพันล้านดอลล่าร์เลยทีเดียว

สุดท้ายในปี 2009 Berkshire ตัดสินใจยอมขายหุ้น ConocoPhillips ออกไป จากที่ถือไว้ 84,896,273 หุ้น เหลือเพียง 37,711,330 หุ้น ด้วยราคาที่ต่ำกว่าทุน เพื่อนำเงินไปซื้อหุ้นที่ไม่ได้ซื้อขายในตลาดของบริษัท Dow Chemical, General Electric, Goldman Sachs, Swiss Re และ Wringley ซึ่งในวิกฤติปี 2008 บริษัทเหล่านี้ต้องเผชิญความเสี่ยงกับการล้มละลาย และเชื่อว่า Berkshire ก็ได้รับการเสนอให้เข้าไปถือหุ้นราคาถูกของบริษัทดีๆเหล่านี้

จะเห็นได้ว่าการซื้อหุ้นกลุ่มเดียวกันนั้น อาจมีเวลาที่สามารถเลือกเวลาเข้าซื้อได้ถูก และทำกำไรได้มหาศาล แต่ในเวลาอื่นนั้นก็อาจจะเข้าผิดจังหวะและขาดทุนมหาศาลได้เหมือนกันครับ

ก้าวล่าสุดที่เข้าไปซื้อ Phillips 66 กับ Suncor Energy ในครั้งนี้ของ Buffett ดูจะไม่เหมือนเวลาซื้อ ConocoPhillips ช่วงตลาดบูมสุดขีดอีกแล้ว แม้ว่าตลาดจะเชื่อว่าเรายังหาจุดต่ำสุดของราคาน้ำมันไม่เจอ Buffett ไม่รีรอที่จะหาจุดนั้น แต่ก็เข้าซื้อในเวลาที่เชื่อว่ามูลค่าเหมาะสมแล้ว ราคาน่าสนใจเพียงพอ

ตัวอย่างการเข้าซื้อหุ้น PetroChina และ ConocoPhillips ของ Berkshire Hathaway น่าจะเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจไม่น้อยเลยนะครับ สำหรับการเลือกเข้าซื้อหุ้นในเวลาตลาดปรับลงมามากแบบนี้

ขอบคุณภาพจาก Yahoo Finance

บทความโดย: บูม MoneyCrown / FB: MoneyCrown


ผู้ก่อตั้งแฟนเพจ MoneyCrown ที่เน้นสาระความรู้และการวิเคราะห์บริษัทจากปัจจัยพื้นฐาน โดยเน้นหุ้นเติบโต (growth stock) ที่ราคาสมเหตุสมผล มีเงินปันผลสูง และเติบโตต่อเนื่อง

ประสบการณ์การทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านการจัดการ (Management Consulting) ที่ประเทศไทย ประเทศอังกฤษ และสหรัฐอเมริกา

ประวัติการศึกษา:

- ปริญญาตรี: คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

- ปริญญาโท: MS in Management, Cass Business School, London

- ปริญญาโท: MS in Management Science & Engineering, Columbia University in the City of New York

นอกเหนือจากความสนใจหาหุ้นที่น่าสนใจโดยอาศัยวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานแล้ว ยังสนใจการลงทุนในต่างประเทศเป็นพิเศษ โดยเฉพาะตลาดจีน ตลาดอเมริกา เทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงเรื่องราวของ tech startup ที่อเมริกาอีกด้วย

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง