Berkshire Hathaway เข้าสะสมหุ้น PetroChina Company ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทน้ำมันแบบครบวงจร (Integrated Oil Company) ตั้งแต่ปี 2002-2003 จำนวน 2,338,961,000 หุ้น หรือประมาณ 1.3% ของบริษัทด้วยต้นทุน 488 ล้านดอลล่าร์
4 ปีหลังจากนั้น ด้วยการเข้าซื้อในช่วงเวลานั้น Berkshire ประสบความสำเร็จอย่างมากกับการเพิ่มขึ้นของมูลค่าธุรกิจของ PetroChina เพราะราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นจาก 20 เหรียญในปี 2002 มาเป็น 60 เหรียญต่อบาร์เรลในช่วงปี 2007และ PetroChina ราคาหุ้นขึ้นเร็วมากจนกลายเป็นธุรกิจ Integrated Oil ที่ใหญ่กว่าราชาอย่าง Exxon Mobil ได้ชั่วขณะหนึ่ง
ในที่สุด Berkshire ก็ขายหุ้นของ PetroChina ออกไปด้วยมูลค่า 4 พันล้านดอลล่าร์ หรือประมาณเกือบ 10 เท่าของต้นทุน
อย่างไรก็ตาม ในปี 2007 ปีเดียวกันนั้นเอง Berkshire เข้าซื้อหุ้นบริษัทสำรวจและพัฒนาปิโตรเลียมที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งชื่อ ConocoPhillips จำนวน 17,508,700 หุ้น ด้วยต้นทุน 1,039 ล้านดอลล่าร์ และในปี 2008 ที่เกิดวิกฤติ Berkshire ได้ซื้อหุ้น ConocoPhillips เพิ่มอีกเป็น 84,896,273 หุ้น ต้นทุน 7,008 ล้านดอลล่าร์
แต่ในปีนั้นเมื่อเกิดวิกฤติขึ้น ทำให้ราคาหุ้นและราคาน้ำมันร่วงลงอย่างรวดเร็วจากจุดสูงสุดจาก 140 ดอลล่าร์มาที่ 40-50 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรล จนทำให้มูลค่าของหุ้น ConocoPhillips ลดลงเหลือ 4,398 ล้านดอลล่าร์ ณ วันสิ้นปี 2008 หรือร่วงไปกว่า 37% ด้วยกัน
Buffett ยอมรับว่าเขาตัดสินใจซื้อหุ้น ConocoPhillips พลาด ทั้งๆที่ไม่ได้ปรึกษา Charlie Munger แต่ก็ซื้อไปโดยไม่สามารถคาดได้เลยว่าราคาน้ำมันจะร่วงลงเยอะแบบนี้ Buffett เชื่อว่าในอนาคตราคาน้ำมันจะต้องขึ้นไปสูงกว่าระดับ 40-50 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรลอีกมาก แต่เขาก็ยอมรับว่าความผิดพลาดตรงนี้ทำให้ Berkshire ต้องเสียเงินไปเป็นพันล้านดอลล่าร์เลยทีเดียว
สุดท้ายในปี 2009 Berkshire ตัดสินใจยอมขายหุ้น ConocoPhillips ออกไป จากที่ถือไว้ 84,896,273 หุ้น เหลือเพียง 37,711,330 หุ้น ด้วยราคาที่ต่ำกว่าทุน เพื่อนำเงินไปซื้อหุ้นที่ไม่ได้ซื้อขายในตลาดของบริษัท Dow Chemical, General Electric, Goldman Sachs, Swiss Re และ Wringley ซึ่งในวิกฤติปี 2008 บริษัทเหล่านี้ต้องเผชิญความเสี่ยงกับการล้มละลาย และเชื่อว่า Berkshire ก็ได้รับการเสนอให้เข้าไปถือหุ้นราคาถูกของบริษัทดีๆเหล่านี้
จะเห็นได้ว่าการซื้อหุ้นกลุ่มเดียวกันนั้น อาจมีเวลาที่สามารถเลือกเวลาเข้าซื้อได้ถูก และทำกำไรได้มหาศาล แต่ในเวลาอื่นนั้นก็อาจจะเข้าผิดจังหวะและขาดทุนมหาศาลได้เหมือนกันครับ
ก้าวล่าสุดที่เข้าไปซื้อ Phillips 66 กับ Suncor Energy ในครั้งนี้ของ Buffett ดูจะไม่เหมือนเวลาซื้อ ConocoPhillips ช่วงตลาดบูมสุดขีดอีกแล้ว แม้ว่าตลาดจะเชื่อว่าเรายังหาจุดต่ำสุดของราคาน้ำมันไม่เจอ Buffett ไม่รีรอที่จะหาจุดนั้น แต่ก็เข้าซื้อในเวลาที่เชื่อว่ามูลค่าเหมาะสมแล้ว ราคาน่าสนใจเพียงพอ
ตัวอย่างการเข้าซื้อหุ้น PetroChina และ ConocoPhillips ของ Berkshire Hathaway น่าจะเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจไม่น้อยเลยนะครับ สำหรับการเลือกเข้าซื้อหุ้นในเวลาตลาดปรับลงมามากแบบนี้
ขอบคุณภาพจาก Yahoo Finance
บทความโดย: บูม MoneyCrown / FB: MoneyCrown