ราคาน้ำมันยืนอยู่ในระดับสูง ถ้าพิจารณาแบบผิวเพินจะพบว่าหุ้นกลุ่มน้ำมันน่าจะได้รับประโยชน์สูงสุดโดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นขุดเจาะน้ำมัน อย่าง PTTEP
... แต่ไม่ใช่แบบนั้น เพราะบทวิเคราะห์ล่าสุดมองว่า PTTEP อาจจะ "ขาดทุน" จากการ Hedging น้ำมัน และผลประกอบการไตรมาส 1 ของปี 2565 อาจจะถึงขั้น "แย่ที่สุด" อีกด้วย
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์หยวนต้าวิเคราะห์ว่าสิ่งที่จะมากดดันผลประกอบการไตรมาส 1 ของ PTTEP ประกอบไปด้วย 2 ปัจจัยคือ
ปัจจัยแรก : PTTEP อาจจะขาดทุนหนักถึง 8.1 พันล้านบาท จากการ Hedging น้ำมัน
ปัจจัยที่สอง : ราคาน้ำมันอาจจะเริ่มพักฐาน จากประเด็นเรื่องของการเทขายน้ำมันของสหรัฐ และการออกมาเร่งส่งออกน้ำมันของอิหร่าน และเวเนซุเอลา
ทั้งนี้ ใช่ว่าจะมีแต่ปัจจัยลบอย่างเดียว
เพราะปัจจัยบวกของ PTTEP ก็มีอยู่เหมือนกัน อยากจะเล่าให้ฟังถึง 2 ประเด็น คือ
1. ราคาน้ำมันยังยืนอยู่ในระดับสูง ... ถึงแม้จะเริ่มพักฐานก็ตาม
บทวิเคราะห์ของหยวนต้า มองว่าสถานการณ์สงครามยูเครน และรัสเซีย ยังคงตึงเครียดต่อไป ประเมินว่าราคาน้ำมันจะยืนอยู่ในระดับสูงเฉี่ยราวๆ 105 ดอล์ล่าร์สหรัฐต่อบาร์เรล
2. ยอดขายน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นจากการเพิ่มกำลังการผลิต
ไม่ว่าจะเป็นยอดขายสูงขึ้นจากการเริ่มสัมปทาน PSC ฉบับใหม่ของเอรา
การเพิ่มกำลังการผลิตในโอมาน
การผลิตเพิ่มขึ้นของโครงการบงกช
การเพิ่มกำลังการผลิตของโครงการ Algeria HBR
จะส่งผลให้ยอดขายน้ำมันเพิ่มขึ้น รายได้เพิ่มขึ้น แนวโน้มกำไรก็มีโอกาสเพิ่มขึ้นด้วย
จาก 2 ประเด็นข้างต้น บทวิเคราะห์มองว่ากำไรทั้งปี 2565 ของ PTTEP จะอยู่ที่ 6.6 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วราวๆ 69% ทำจุดสูงสุดใหม่ของบริษัท
โดยสรุปแล้ว PTTEP ถือเป็นหุ้นที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากราคาน้ำมันในสภาวะ "ขาขึ้น" เพียงแต่ผลประกอบการไตรมาส 1 อาจจะโดนกดดันในเรื่องของ Hedging ราคาน้ำมันระยะสั้นเท่านั้นเอง
ดังนั้น สิ่งที่นักลงทุนทำได้ อาจจะมองข้ามผลประกอบการไตรมาส 1 ที่จะถึงนี้ กลับมามองยาวๆไปถึงสิ้นปีนี้ สำหรับหุ้น PTTEP ครับ
-------------------------------------
Reference