#แนวคิดด้านการลงทุน

Playbook การลงทุน เล่มไหนที่ใช่สำหรับเรา

โดย Stock Vitamins - วิตามินหุ้น
เผยแพร่:
126 views

หลายครั้งที่เราขาดทุน หลายหนที่พอร์ตเราวนกลับมาที่เดิม อาจไม่ใช่ว่าเราไม่เก่ง หรือเราไม่เข้าใจธุรกิจ

 

แต่อาจเป็นเพราะเราไม่มีวิธีการลงทุนที่ชัดเจน เราอาจจะมองแค่เป้าหมายปลายทาง ทำยังไงก็ได้ให้กำไรไว้ก่อน แต่หลักการต้นทางนั้นไม่ชัดเจน ทำให้เราเดินไปไม่ถึงปลายทางซักที

 

Playbook คือ วิธีการลงทุนในแบบของเรา ที่เหมาะกับเรา ใช้แล้วเห็นผล เข้าใจ ได้กำไร และสบายใจ เหมือนหยิบหนังสือเล่มที่ชอบมาอ่าน พออ่านทีไรก็สุขใจ ยิ้มไปได้ทุกที 

 

ซึ่งแต่ละคนอาจมีวิธีการที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งก็ไม่ผิด เพราะความชอบความถนัดแตกต่างกัน หรือเราอาจมี Playbook หลายเล่มก็ได้ ช่วงเวลาตลาดกระทิงหยิบเล่มนี้ออกมาใช้งาน ช่วงเวลาตลาดหมีหยิบอีกเล่มออกมาใช้ แบบนี้ก็ได้เหมือนกัน พูดง่ายๆ ก็เหมือนกับเป็นหน้าเทรดที่เราถนัด เป็น trade setup ที่เราใช้แล้วได้ผล

 

วันนี้วิตามินหุ้นขอแชร์บางไอเดียใน Playbook ของผมเผื่อว่าจะมีประโยชน์กับทุกคนครับ

 

Playbook ของผมจะมีอยู่ 3 คำ คือพื้นฐานดี มีสตอรี่ ราคาน่าลงทุน

 

  1. พื้นฐานดี

เวลาซื้อหนังสือ ผมมักจะดูก่อนว่าใครเป็นคนเขียน เป็นคนที่เราชอบมั้ย เรื่องนี้ดูน่าสนใจ มีคนดีคนเก่งแนะนำ เขียนคำนิยมให้ เคยอ่านผลงานมาก่อน ยิ่งถ้าปกสวย กระดาษดี ก็ยิ่งน่าสนใจ เวลาซื้อหุ้นก็เช่นกัน เราก็ดูว่าหุ้นที่เราจะซื้อนั้นดีมั้ย ไม่ว่าจะเป็น

  • ผู้บริหารดีมั้ย เก่งแค่ไหน เข้าใจธุรกิจที่ตัวเองทำมากน้อยแคไหน มีวิสัยทัศน์ที่จะพาธุรกิจไปในทางไหนอย่างไร
  • ธุรกิจเองก็ต้องดี แข็งแกร่ง ไม่เจ๊งง่าย มีงบการเงินที่สอดคล้องไปในทางเดียวกับที่ผู้บริหารวางกลยุทธ์ไว้
  • กำไรอาจจะยังไม่ดีไม่เป็นไร แต่ถ้าทิศทางชัดเจน เดี๋ยวดีเอง แต่ถ้ากำไรดีแล้ว ถ้ายังโตได้ต่อเนื่อง แบบนี้น่าสนใจ

 

  1. มีสตอรี่

จริงอยู่ที่ว่า หุ้นที่กำไรดี เติบโตได้ต่อเนื่อง เดี๋ยวราคาก็วิ่งไปตอบรับเอง แต่คำถามคือเมื่อไหร่ล่ะ เรารอไหวหรือเปล่า ส่วนมากผมมักจะชอบหุ้นที่มีสตอรี่ หรือเรื่องราวดีๆ ที่ตลาดชอบมาประกอบ เพราะราคาหุ้นจะวิ่งไปหามูลค่าได้เร็วกว่า แต่ก็ต้องดูด้วยว่า สตอรี่นั้นจะเป็นแค่ความฝันหรือว่าจะกลายมาเป็นความจริงได้มั้ย 

 

โดยปกติ ผมมักจะดูสตอรี่ควบคู่กับการดูกำไนใน 3 ช่วงเวลา คือ งบไตรมาสหน้าที่จะประกาศสวยมั้ย งบทั้งปีแนวโน้มดีมั้ย และงบปีหน้าแนวโน้มจะดีต่อหรือเปล่า สตอรี่ที่เห็นจะทำให้งบไปในทิศทางไหน ถ้าเราพอเห็นลางๆ ว่าภาพน่าจะสดใส แบบนี้ก็น่าลงทุน

 

  1. ราคาน่าลงทุน

หุ้นที่พื้นฐานดี สตอรี่ดี แต่ราคาแพงเกินไป ก็ไม่น่าลงทุน แปลว่า เราซื้อสิ่งที่ทุกคนเห็นกันหมดแล้ว คาดหวังไปในทางเดียวกัน ราคาหุ้นก็ตอบสนองออกมาหมดแล้ว เรื่องของการซื้อหุ้น ผมก็จะมีแนวทางของตัวเองแบบนี้ครับ

  • ประเมิน  Upside ที่ต้องการ ปกติผมก็จะมองมากกว่า 30% ขึ้นไป ถ้าราคาได้ก็จะเอามาพิจารณาต่อว่าน่าซื้อ
  • Buy on Dip เป็นจังหวะที่ผมชอบซื้อ หุ้นที่เรามองว่าดี upside สูง เกิดลงมาวันที่ตลาดไม่ดี หรือ panic แต่พื้นฐานไม่เปลี่ยน ก็มองว่าเป็นโอกาสที่จะซื้อ ยิ่งถ้าตอนที่ลงโวลุ่มไม่ได้มากมายอะไร ก็อาจ bias ในทางบวกว่า คงมีคนที่ซื้อไปก่อนหน้า อาจจะเป็น smart money มองว่าดี ไม่ขายออกมาเช่นกัน
  • ประคองตัวด้วย EMA50 และ EMA200 ผมมองว่า เส้นแรก คือ ตัวแทนของงบรายไตรมาส ส่วนเส้นหลัง คือ งบปี ถ้าหุ้นที่เราประเมินแล้วว่างบจะดี ราคาก็ไม่ควรยืนต่ำกว่าเส้นนี้นาน โดยเฉพาะถ้าก่อนหน้านี้มันไม่หลุด แต่ถ้าราคาหุ้นไหลลงต่อเรื่อยๆ พฤติกรรมเปลี่ยนจากที่เคยเป็นมา ก็ต้องเริ่มเอะใจ และไปหาดูว่า มีข่าวร้ายอะไรที่เราไม่รู้หรือเปล่า 

 

อยากให้ทุกคนลองไปหา Playbook ของตัวเองให้เจอก่อนลงทุนกันครับ เราจะได้เข้าใจว่า ท่าไหนที่เราถนัด ท่าไหนเป็นท่าไม้ตายที่ทำให้เราได้กำไร เรียนรู้ ทำซ้ำ ต่อยอด ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง Playbook การลงทุนของเรา เพื่อการทำกำไรอย่างยั่งยืนและเราก็จะมีความสุข พร้อมสนุกกับการลงทุน


ผู้ชนะแข่งขันโครงการ Stock Writer ของ stock2morrow

https://www.facebook.com/pg/stock.vitamins

Facebook

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง