ถ้าถามว่าหุ้นที่นักลงทุน "ไม่ประทับใจ" เท่าไร เชื่อว่าหนึ่งในนั้นจะต้องมี CPF อย่างแน่นอน
อาจจะด้วยว่าการคาดเดาอะไรไม่ได้เลย มีปัจจัยจำนวนมากในการประเมินรายได้และกำไรของบริษัท
ทำให้ช่วงหลังๆมานี้ CPF กลายเป็นหุ้นที่นักลงทุนไม่ได้เป็นที่น่าสนใจสักเท่าไรนักในมุมของนักลงทุน
อีกทั้งช่วงนี้หุ้น CPF ดูเหมือนจะเจอกับ "แรงขาย" กดดันราคาหุ้นที่มากกว่าปกติ
ถามว่าทำไมนักลงทุนถึงเทขาย ?
คำตอบ คือ ผลประกอบการไตรมาส 1 ที่จะออกมานี้ มีแนวโน้ม "ลดลง" ...
ฝ่ายวิจัยของเอเชียพลัส วิเคราะห์ว่า กำไรสุทธิของ CPF ไตรมาส 1 มีแนวโน้มปรับตัวลดลง มาอยู่ที่ 2.5 พันล้านบาท ลดลงราวๆ 64% ซึ่งหลังๆจะมาจากกำไรพิเศษมากกว่า (ราวๆ 1.5 พันล้านบาท) จากการขายหุ้น CPALL และเปลี่ยนแปลงมูลค่าสินทรัพย์ชีวภาพ
ประเด็นบวกของ CPF จะมาจาก 3 ประเด็นหลักๆ คือ
1. ธุรกิจในไทย ฟื้นตัว
ธุรกิจในประเทศไทย สัดส่วนรายได้คิดเป็น 37% จากราคาหมูและไก่ที่สูงขึ้น อีกทั้งบริษัทยังสามารถขายอาหารกุ้ง และกุ้งได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย
2. ธุรกิจที่เวียดนาม ฟื้นตัว
ธุรกิจในเวียดนาม สัดส่วนคิดเป็น 22% ของรายได้รวม นำโดยราคาหมูที่ปรับตัวสูงขึ้น
3. ผลการดำเนินงานของ CPALL และ Hylife ฟื้นตัวดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
แล้วธุรกิจที่รัสเซียเป็นอย่างไรบ้าง ?
ลดลงไม่มาก ... รายได้จากอินเดีย ฟิลิปปินส์ และกัมพุชา สามารถนำมาหักล้างกันได้
ส่วนธุรกิจในจีน (CTI ซึ่ง CPF ถือหุ้นอยู่ 26.3%)
ยังขาดทุนอยู่ และเป็นการขาดทุนที่เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4 ปี 2564 อีกด้วย
โดยภาพรวมแล้ว ผลประกอบการไตรมาส 1 รายได้จะอยู่ที่ 1.4 แสนล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ 2.5 พันล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยมองว่าทั้งปี 2565 กำไรของ CPF จะฟื้นตัวได้ 19% จากปีที่ กำไรสุทธิอยู่ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท นำโดยธุรกิจไก่ หมู และการส่งออกกุ้ง
จึงมองว่าปีนี้จะเป็น "ปีแห่งการฟื้นตัวของ CPF"
--------------------------
Reference
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส