ช่วงนี้เรามักจะเห็นว่าหลายๆบริษัทขนาดใหญ่มีการควบรวมกันเกิดขึ้นเยอะมาก
ซึ่งไม่ใช่แค่จะเกิดผลดีต่อการทำธุรกิจอย่างเดียว
แต่ยังส่งผลต่อตลาดหุ้นไทยในภาพรวมด้วย ...
อย่างเช่นในกรณีของ TRUE และ DTAC
เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวว่า ทั้งสองบริษัทได้อนุมัติข้อเสนอการควบรวมกิจการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะต้องแจ้งต่อ กสทช. ในเวลาต่อไป คาดว่าจะเห็นความชัดเจนน่าจะเป็นช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งภาพที่เกิดขึ้นจะเป็น Sentiment เชิงบวกต่อ ICT ทั้งกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น ADVANC TRUE และ DTAC เนื่องจากการเกิดสงครามราคาที่น้อยลง
จะเห็นได้ว่า เมื่อประเด็นบวกเกิดขึ้นโบรคเกอร์หลายๆสำนักเริ่มมีการปรับเป้าเพิ่ม "มองเชิวบวก" ต่อกลุ่ม ICT ที่ค่อนข้าง Bearish มายาวนาน
ตัวอย่างเช่น บล เอเชียพลัส มีมุมมองในเชิงบวกว่า การควบรวมระหว่าง TRUE และ DTAC จะทำให้เกิดบริษัทใหม่ที่น่าจะมีมูลค่าสูงกว่า 3.58 แสนล้านบาท
... คิดเป็นมูลค่าของหุ้น TRUE จะอยู่ราวๆ 6.2 บาท
... คิดเป็นมูลค่าของหุ้น DTAC จะอยู่ราวๆ 63.4 บาท
เมื่อควบรวมเสร็จ จะเกิดบริษัทใหม่ที่มีศักยภาพ ส่งผลให้นักลงทุนมีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้น ADVANC ตามไปด้วย โดยมีโอกาสสูงมากที่จะปรับ Valuation ของหุ้น ADVANC ใหม่ให้ใกล้เคียงกลุ่ม ซึ่งฝ่ายวิจัยมองว่าราคาเหมาะสมของ ADVANC จะอยู่ราวๆ 250 บาท
หรือแม้แต่ประเด็นเรื่องของการเปลี่ยนโครงสร้างของ SCB ไปเป็น SCBx
โดยที่ผ่านมามีการเปิดเผยว่าผู้ถือหุ้นต้องการเปลี่ยนหุ้นมาเป็น SCBx แล้วกว่า 90% เชื่อว่ากระบวนการจะแล้วเสร็จ พร้อมซื้อขายในวันที่ 27 เมษายนที่จะถึงนี้
ซึ่งการเปลี่ยนโครงสร้าง บล.เอเชียพลัส มองว่า จะส่งผลดีต่อการทำธุรกิจระยะกลาง-บาว ของ SCBx จากความยืดหยุ่นที่มากขึ้น แต่เดิมที่มีการคุมเข้มด้านกฏเกณฑ์ของ ธปท.
ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจใหม่อย่าง BitKub
ธุรกิจการเปิดจำนำทะเบียนรถยนต์ AUTOX
ธุรกิจปล่อยสินเชื่อ Digital ที่ร่วมมือกับ AIS ... (ชื่อบริษัทใหม่ AISCB)
... ซึ่งจะมีความเป็น FinTech มากขึ้น
และจากประเด็นนี้เองทำให้โบรคเกอร์เริ่มมีการปรับเป้าของ SCB ขึ้น
เช่น ฝ่ายวิจัยเอเชียพลัส ให้ราคาเหมาะสมที่ 140 บาทต่อหุ้น
จะเห็นได้ว่า การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของบริษัท ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อบริษัทหรือตัวนักลงทุนเองที่จะเห็นรายได้ กำไร การเติบโตที่มากขึ้น
ยังส่งผลรวมต่อภาพตลาดให้ดูดีมากขึ้นอีกด้วย
----------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส