สิ่งหนึ่งที่นักลงทุนควรต้องทำความเข้าใจและแยกแยะ เกี่ยวกับปัจจัยที่มากระทบต่อการลงทุนของเรา คือ มันมี ปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้ ยากเกินคาดเดา กับ ข้อเท็จจริงที่ปรากฏแล้ว สามารถใช้เป็นต้นธารของการวิเคราะห์ต่อไปได้
ปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้
นักลงทุนจำนวนไม่น้อย พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะพยายามรับรู้ อัพเดท กระทั่งทำนายทายทัก กับเหตุการณ์ที่เราควบคุมไม่ได้ เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่ จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ตัวอย่างเช่น ในวิกฤตโควิต
- เราไม่รู้ว่าวัคซีนจะคิดสำเร็จเมื่อไหร่
- เราไม่รู้ว่าวัคซีนจะฉีดให้คนไทยได้เป็นส่วนใหญ่เมื่อไหร่
- เราไม่รู้ว่าจะมีการกลายพันธ์ไปอีกไปถึงเมื่อไหร่
แต่ในฐานะนักลงทุน เรามีความเชื่อว่ามันจะทำสำเร็จได้แน่ โควิดจะเป็นโรคพื้นถิ่นธรรมดาในวันหนึ่งแน่ๆ ชีวิตผู้คนจะกลับมาแบบเดิมในวันหนึ่งแน่ๆ ต้องใช้เวลานานกี่ปีเท่านั้นแต่ที่สุดแล้วกลับมาแน่
ดังนั้น ความพยายามจับจังหวะในภาพเล็ก ความพยายามวิ่งเข้าวิ่งออกจากตลาดในทุกรอบการระบาดให้ถูกจังหวะ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มีปัจจัยเฉพาะตัวมากมาย ความพยายามซื้อหุ้นเต็มพอร์ตลุ้นเปิดเมืองแล้วล้างพอร์ตเมื่อระบาดรอบใหม่ ในทุกๆรอบ ทำบ่อยๆ หากคร่อมจังหวะก็จะสร้างความเสียหายได้มาก สิ่งเหล่านี้คือปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้
นอกจากนี้ปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ อาจจะเป็น ความผันผวนของราคาหุ้นในระยะสั้น สงครามและความขัดแย้งระดับโลก (เช่น รัสเซีย-ยูเครน) สภาวะของเศรษฐกิจโลก เช่น ยุโรป จีน อเมริกา ราคาน้ำมันโลก ปัญหาค่าเงิน ฯลฯ ปัจจัยเหล่านี้คาดการณ์ได้ยาก และอยู่นอกเหนือการควบคุมของเราทั้งสิ้น
เราทำได้เพียงติดตามอ่าน ตามฟัง ตามวิเคราะห์ และลดความเสี่ยงของการถือหุ้นเท่านั้น แต่การที่จะเอาข้อมูลเหล่านี้มาเก็งกำไรในระยะสั้นนั้นไม่ง่าย ข้อมูลมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และเป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้เลย
ข้อเท็จจริงที่ปรากฏแล้ว
เราควรใช้เวลาส่วนใหญ่ ไปมุ่งเน้นหาข้อเท็จจริงที่ปรากฏแล้ว ซึ่งคนส่วนใหญ่ในตลาดมักจะละเลยในการอ่านทำความเข้าใจ นี่คือสิ่งที่ไม่เกินขอบเขตความสามารถของเรา มันมีเหตุผล มีข้อเท็จจริงที่ชัดเจน
ถ้าเราตามอ่านข้อมูลกิจการ อ่าน MD&A คำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ อ่านบทวิเคราะห์หุ้นที่สนใจจากหลายๆสำนัก ดู Opportunity Day หรือ Webcast ประชุมผู้ถือหุ้นในส่วนที่ผู้บริหารให้ข้อมูลธุรกิจ ทำไปเรื่อยๆ ในทุกๆไตรมาส เราจะสามารถวิเคราะห์บริษัทในแง่มุมต่างๆได้ในที่สุดจะเกิดความรอบรู้ในกิจการที่ลงทุน นี่คือการใช้ความพยายามไปกับข้อเท็จจริง ที่สามารถใช้เป็นต้นธารของการวิเคราะห์ต่อไปได้ แตกแขนงต่อเนื่องได้อย่างมากมาย
- ภาพรวมอุตสาหกรรมของกิจการที่เราลงทุนเป็นอย่างไร
- กิจการที่เราลงทุน มีจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และความเสี่ยง ตรงไหน
- กิจการมีโมเดลและกลยุทธ์ทางธุรกิจเป็นอย่างไร
- แผนธุรกิจในอนาคตที่จะสร้างการเติบโต เพิ่ม Market Share คืออะไร
- คู่แข่งทางตรง คู่แข่งทางอ้อม มีใครบ้าง เขาทำอะไร เขาจะมาเอาชนะกิจการเราได้หรือไม่
- ฯลฯ
ทั้งหมดคือตัวอย่างของความพยายามเพิ่มขอบเขตความรอบรู้ของเรา ในกิจการและอุตสาหกรรมที่เราลงทุนอยู่ ยิ่งเราเพิ่มความลึกในการศึกษาธุรกิจของกิจการ
รวมถึงคู่แข่งทางตรงทางอ้อม และขยายไปทั้งอุตสาหกรรมที่เราลงทุน เราจะมีความรอบรู้ใกล้เคียงกับคนในอุตสาหกรรมนั้นมากขึ้น หากทำได้ดี ทำได้ต่อเนื่องและยาวนานพอ ก็อาจจะมีความรู้ใกล้เคียงกับนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ที่ดูแลกลุ่มนั้นๆได้เช่นกัน
เมื่อฝึกฝนมากถึงระดับหนึ่ง ข่าวสารของกิจการหรืออุตสาหกรรมใดๆที่ออกมา เราจะสามารถวิเคราะห์เหตุการณ์ได้ทันที และเกิดไอเดียการลงทุนอย่างรวดเร็ว และกล้าลงมืออย่างมั่นใจ ทั้งในฝั่งการเข้าซื้อถือรับโอกาส หรือฝั่งการคัท ตัดออกจากพอร์ตเพื่อลดความเสี่ยง