หุ้นขึ้นๆๆๆ กำไรอยู่ดีๆ แต่ไม่ขาย จนมาขายตอนเท่าทุนหรือขาดทุน
หุ้นลงๆๆๆ ไม่กล้าขายไม่กล้าคัท รอเท่าทุน รอแล้วรอเล่าเธอก็ไม่กลับมา
ปัญหาโลกแตกที่นักลงทุนหลายคนพบเจอ คือ ซื้อหุ้นเป็น แต่ขายหุ้นไม่เป็น
ไม่รู้ว่าจังหวะนี้ควรตัดสินใจยังไงดี จะขายทำกำไรก็กลัวขายหมู เดี๋ยวหุ้นวิ่งต่อ จะขายขาดทุนก็ทำใจไม่ได้ กลัวมันเด้งกลับขึ้นมา วันนี้ผมขอแนะนำไอเดียขายหุ้นที่น่าสนใจมาฝากกันครับ
ขายตอนกำไร
- ขายหุ้นก่อนเต็มมูลค่า
เวลาเราประเมินมูลค่าหุ้น ได้ 10 บาท ไม่ใช่ว่า เราจะต้องรอราคาไปถึง 10 บาท ถึงจะขาย อยากให้เราคิดว่า ถ้าเราขายหุ้นที่เต็มมูลค่าแล้ว ใครจะมาซื้อต่อจากเรา แปลว่า ราคานี้คือพีคแล้ว ราคาก็อาจจะไม่ขึ้นต่อแล้วก็ได้ นี่คือจุดที่ทุกคนเฝ้ารออยากขายทั้งนั้น แปลว่า ถ้าเราวางแผนขายหุ้น ก็ควรต้องทำก่อนที่ราคาจะเต็มมูลค่า
แต่เรื่องของการประเมินมูลค่าหุ้นนั้น เราต้องเข้าใจสมมติฐานของเราด้วยว่า ราคาที่คำนวณมาได้นั้น เป็น best case ที่จะเกิดขึ้นมั้ย หรือเป็น base case, worst case เราจะได้เข้าใจในกรอบของราคาว่าเราขายตรงจุดไหน ยิ่งถ้าราคาขึ้นไปถึงจุดที่เป็น best case แบบนั้นก็ยิ่งต้องรีบขายก่อนเสมอ
- ขายเมื่องบดีสุดๆ แต่ไม่รู้จะไปยังไงต่อ
จุดที่ดีที่สุด จุดที่ทุกคนสนใจกันมากที่สุด เพราะงบประกาศออกมาดี ใครๆ ก็พูดถึงกัน แต่ถ้าเราเห็นแล้วว่า งบยังโตต่อแต่จะเริ่มช้าลงแล้ว ฐานกำไรสูงแล้ว ข่าวออกหมดแล้ว คนรู้กันพูดถึงกันเยอะแล้ว หรือใครต่อใครก็จะบอกต่อว่า งบยังดี เราก็ควรที่จะเริ่มขายออกมาเรื่อยๆ ในขณะที่มีแต่ข่าวดี หลายคนรอดูงบรอบหน้าให้ชัวร์ว่ากำไรจะโตลดลง แต่ถ้าเราเห็นแล้วว่าน่าจะไม่ดี ก็อาจจะไม่ต้องรอ ขายก่อนก็อาจจะดีกว่า
แต่ข้อยกเว้นที่เราอาจจะถือต่อ ก็คือ ถ้าบริษัทมีจุดเปลี่ยนที่จะทำให้กำไรโตต่อไปได้ หรือมี S-Curve ใหม่ ที่เปลี่ยนไปจากเดิม ถ้าแบบนี้ก็เป็นอีกกรณี
ขายตอนขาดทุน
- ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน
แบบนี้ คือ ไม่มีข้อโต้แย้ง ไม่ต้องไปนั่งคิดว่า ชั่วคราวหรือเปล่า bottom out มั้ย ไตรมาสนี้งบแย่ เดี๋ยวไตรมาสหน้าน่าจะดี อยากให้คิดว่า ถ้าภาพใหญ่เปลี่ยน งบออกมาไม่ตรงกับสมมติฐานที่เราคิด ดูทรงแล้วน่าจะต้องใช้เวลาที่จะกลับมา ราคาหุ้นลงด้วย ถึงแม้ว่าราคาอาจะยังต่ำกว่ามูลค่าก็ตาม เราก็ควรพิจารณาขาย
อยากให้เราคิดว่า การขายแบบนี้ คือ การขายด้วยเหตุผล เพราะสิ่งที่ปรากฏนั้นผิดคาดไปจากตอนที่เราซื้อ เมื่อไม่ใช่ก็ควรต้องจบกันไป ดีกว่ายื้อแล้วยิ่งขาดทุนมากกว่าเดิม
- ขายเมื่อถึงจุดที่เรากลับมาได้ ไม่ใช่จุดที่ใจรับไม่ไหว
หลายครั้งที่เราเอาหัวใจนำเหตุผล คือ -5% รับได้ -10% พอไหว -20% เริ่มเครียด -30% แย่แล้วเกินจะทน ขายทิ้งดีกว่า แบบนี้เรียกว่า เราขายโดยใช้ใจนำ และหลายครั้งที่เรามักจะพบเจอนักลงทุนหลายคนที่คิดคล้ายๆ กัน ถึงได้เกิดเหตุการณ์ที่ว่า ทำไมเราขายทุกที แล้วหุ้นเด้งทุกครั้ง จริงๆ แล้วมันอาจเป็นจุดที่เกินใจของทุกคนจะรับไหวแล้วนั่นเอง
เพราะฉะนั้น วิธีที่ดีที่สุด คือ เรากำหนดจุดขายให้ตัวเองไปเลยว่า ถ้าขาดทุนกี่เปอร์เซ็นต์ หรือขาดทุนกี่บาท ก็ขายที่ตรงนั้น โดยเราดูตอนที่ทำกำไรได้มาเป็นจุดวัด เช่น ค่าเฉลี่ยของเรา ทำกำไรได้ปีละ 25% แปลว่า เราอาจจะยอมรับกับการขาดทุน 20% ได้ เพราะเวลาหุ้นลง 20% เราต้องทำ 25% ถึงจะกลับไปเท่าทุน แปลว่าความสามารถเราถึง
แต่ถ้าเราปล่อยให้ราคาลงมา 50% เราต้องทำกลับคืน 100% หรือหาหุ้นเด้งให้เจอ ทั้งๆ ที่เราอาจจะแทบไม่เคยทำได้เลยซักครั้ง แบบนี้ก็ลำบากมาก
อีกเรื่อง คือ ไม่ใช่ว่าเราต้องรอ ให้หุ้นลงมาถึงจุดที่ลบเยอะๆ แต่เราต้อง เอ๊ะ ตลอดเวลาว่า ทำไมราคาลงมา -5%, -10%, -15% คือ ทุกๆ จุดที่มันลงมา เราต้องถามตัวเองก่อนว่า ผิดที่อะไร งบการเงิน พื้นฐาน สถานการณ์รอบข้าง หรือผิดที่ราคาที่เราซื้อ
ซื้อหุ้นว่ายากแล้ว ขายหุ้นนั้นยากกว่า ไม่ว่าจะขายแล้วกำไร ขายแล้วขาดทุน ขายปุ๊บวิ่งใส่หน้า
อยากให้รู้ไว้ว่า เราไม่สามารถขายหุ้นได้ในจุดที่ราคาดีที่สุดทุกครั้ง แต่เราขายหุ้นได้ในจุดที่จังหวะลงตัวกับความเป็นเรามากที่สุด
เราอาจปวดใจที่ขายขาดทุนในวันนี้ แต่เราอาจดีใจในวันหน้าก็ได้ ถ้าการขาดทุนครั้งนี้นำมาซึ่งบทเรียนและความสำเร็จในอนาคต