จากอดีตหุ้นสุดร้อนแรง กลายมาเป็นหุ้นสุดเหงา อย่าง STGT หรือบริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
STGT ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายถุงมือยางที่ใช้ในทางการแพทย์และอุตสาหกรรม โดยสาเหตุที่เคยเป็นหุ้นร้อนแรงเพราะเป็นวิกฤตโควิดทำให้ความต้องการใช้ถุงมือยางเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ราคายางโลกเพิ่มสูงขึ้น และคู่แข่งที่อยู่ในอุตสาหกรรมบางแห่งจำต้องปิดโรงงานไปเพราะได้รับผลกระทบโควิด ทำให้ STGT เป็นหุ้นเด่นดังตั้งแต่เข้ามาซื้อขายวันแรก
... โดยมีราคาสูงสุดอยู่ที่ 49 บาท ก่อนลงมาพักตัวอยู่แถวบริเวณ 30 บาท อย่างในปัจจุบัน
ถามว่าหุ้น STGT หมดความน่าสนใจแล้วอย่างนั้นหรือ
ก็ต้องบอกว่า "ไม่ใช่" เพราะบริษัทยังมีพื้นฐานดีที่อยู่ โรคระบาดก็ยังไม่จบลงแบบ 100%
ถึงแม้สักวันหนึ่งโรคนี้ คนจะอยู่ร่วมกับมันได้ แต่พฤติกรรมของคนก็เกิด New Normal รักษาความสะอาดมากขึ้น เวลาจะทำกิจกรรมก็ต้องมีการใส่ถุงมือเพื่อรักษาความสะอาด ดังนั้นถุงมือยางเป็นสินค้าเข้าขั้น "จำเป็น' ถึงแม้โรคจะจบลงแล้วก็ตาม
แต่สิ่งที่ทำให้ราคาแกว่งตัวออกข้าง และเงียบหายไปเป็นเพราะ
"ความกังวล" ที่เกิดขึ้น 2 ประการ มีอะไรบ้างอยากจะเล่าให้ฟังแบบนี้ครับ
1. บทวิเคราะห์คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 4 แย่ลงจากฐานที่เคยสูงในไตรมาสก่อนๆ
ผลประกอบการที่แย่ลง มาจาก 1 เรื่องดี และ 3 เรื่องแย่ ...
>>> 1 เรื่องดี คือ ปริมาณขายเพิ่มขึ้น
>>> 3 เรื่องแย่ คือ กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นทั่วโลก , ราคาขายลดลง, อัตรากำไรขั้นต้นลดลง
ดังนั้น ผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2564 จะน้อยกว่าไตรมาส 3 ในปีเดียวกันราวๆ 22% มาอยู่ที่ 8.5 พันล้านบาท
2. กระแสข่าวเรื่องขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์
บทวิเคราะห์กรุงศรี วิเคราะห์ว่า การขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ทำให้ปริมาณการส่งออกลดลง ทำให้บริษัทต้องปรับแผนการผลิตลดลงเป็น 90% จากที่เคยทำได้ราวๆ 95%
บทวิเคราะห์กรุงศรี มองว่าด้วยสถานการณ์ปัจจุบันทำให้ STGT ขาดความน่าสนใจ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องของการผลิตถุงมือยางทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และเพิ่มมากกว่าความต้องการใช้ จะส่งผลให้ราคาขายเฉลี่ยลดลงอย่างรวดเร็วในท้ายที่สุด
... นี้ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้หุ้น STGT ไม่ขึ้นสักที ที่อยากนำมาเล่าสู่กันฟังครับ
----------------------------
ขอบคุณแหล่งข้อมูล :
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์กรุงศรี