เป็นที่ทราบกันดีว่า นาทีนี้ การค้นหา “หุ้นเติบโต” ในตลาดหุ้นไทยยากขึ้นไปทุกที

 

เพราะกิจการส่วนใหญ่ของเราอยู่ในเศรษฐกิจระบบเก่า Old Economy ที่เติบโตได้ปีละน้อยๆ  โดยเฉพาะหุ้นตัวใหญ่ Big Cap ที่เติบโตได้ระดับต่ำๆ Low Single Digit เช่น 3-5% หรือเติบโตได้ในระดับเอาชนะอัตราเงินเฟ้อเท่านั้นเอง เช่น กิจการด้านพลังงาน ธนาคาร สื่อสาร ค้าปลีก โรงไฟฟ้า เป็นต้น 

 

เหตุผลนึงคือฐานธุรกิจเดิมที่ใหญ่เกือบเต็มประเทศแล้ว แต่ไม่สามารถสร้างการเติบโตแบบเดียวกันนี้ที่ต่างประเทศได้ และอีกเหตุผลนึงคือ ธรรมชาติของธุรกิจในระบบเศรษฐกิจดั้งเดิม ที่ต้องอาศัยเงินลงทุนสูง แต่ไม่ค่อยมี Network Effect ระดับโลก

 

หรือปรากฎการณ์ที่จำนวนผู้ใช้สินค้าและบริการสูงขึ้น ส่งผลให้ดึงดูดผู้ใช้รายใหม่ ๆ เข้ามาและมีปฎิสัมพันธ์กันมากขึ้น เกิดเป็น Network effect ที่ทรงพลังและเป็นผลดีต่อทั้งเครือข่าย ยากที่คู่แข่งหรือสินค้าอื่นจะมาแทนที่อีกด้วย ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญที่สร้างการเติบโตได้มากๆ

 

ทำให้การขับเคลื่อนการเติบโตก้าวกระโดดแบบหุ้นเทคโนโลยี ที่สามารถเติบโตมีผู้ใช้งานไปทั่วโลก ว่ากันในเชิงการเติบโตระดับ 10X (สิบเท่า) ในช่วง 2-3 ปี หรือเป็นร้อยเท่าในช่วง 10 ปี จึงหาได้ยากยิ่ง เช่น AMAZON NETFLIX MICROSOFT APPLE GOOGLE เป็นต้น ที่สามารถสร้าง Network Effect ไปทั่วโลก 

 

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า หุ้นใหญ่ จะหมดหนทางในการเติบโตอีกแล้ว! 

 

เพราะตามตำราสายปัจจัยพื้นฐาน กิจการจะเติบโตได้ ด้วย 8 กระบวนท่าสำคัญต่อไปนี้ 

 

ในบรรดากระบวนท่าทั้งหมด ผมมีความชื่นชอบกระบวนท่าที่ 6 M&A หรือ การควบรวมกิจการที่สุด เพราะเป็นการสร้างการเติบโตแบบพิเศษ สามารถทำให้เกิดท่าที่ 5 Cost Optimization ตามมาได้ด้วย และหากเกิดความเข้มแข็งของทรัพยากรสองฝ่าย ยังสามารถเข้าสู่ธุรกิจใหม่ได้อีก 

 

 ใครเคยอ่านการ์ตูนดรากอนบอล จะทราบว่า กระบวนท่าหนึ่ง ที่ทำให้นักรบ เก่งขึ้นกว่าเดิมได้แบบหลายๆเท่าแบบเอ๊กซ์โปเนนเชียล คือ กระบวนท่า “ฟิวชั่น” ซึ่งก็คือการรวมร่างของสุดยอดนักรบ 2 คน รวมเป็นหนึ่ง แล้วจะได้ร่างที่สุดยอดกว่าเดิม แกร่งกว่าเดิม และ มีกระบวนท่าหลากหลายกว่าเดิม 

 

ในโลกธุรกิจ เราเรียกการรวมร่างว่า M&A (Mergers and Acquisitions) ภาษาไทยคือ “ควบรวมกิจการ” เป็นการเอา 2 become 1 คือ สองบริษัทรวมกันเป็นหนึ่ง มีสองรูปแบบคือ 

 

หนึ่ง...  เอาสองกิจการที่มีขนาดใกล้เคียงกันมารวมกัน กลายเป็น กิจการใหม่ “A+B = C” 

 

โดยบริษัท C เก่งกว่าเดิมเยอะ แบบผิดหูผิดตา 

 

สอง... เอากิจการนึงซึ่งใหญ่กว่า ไปเข้าซื้อ อีกกิจการในธุรกิจเดียวกัน ที่มีขนาดเล็กกว่า

 

กรณีนี้คือ “การกลืนกิน” บริษัทใหญ่เดิม จะใหญ่ขึ้นไปอีก และเก่งขึ้นไปอีก 

 

ตลาดหุ้นไทยเรา เข้าใจมาระยะนึงแล้ว ว่าหาหุ้นเติบโตได้ยากเต็มที ตลาดเต็ม แข่งขันสูง เศรษฐกิจไม่ได้โตแรง การรวมร่าง ทำให้เกิดข้อดีอย่างน้อย 2 ประการ คือ 

 

1. การประหยัดต่อขนาด (EOS : Economy of Scale) เมื่อใหญ่ขึ้น จะซื้อจะขายจะทำอะไร ก็ทำได้ประหยัดขึ้น 

2. เสริมแรงบวกทางธุรกิจ (Synergy) อยู่คนเดียวทำไม่ได้ ... พอรวมร่างแล้ว ... เล่นท่ายากได้ 

 

การรวมร่าง M&A เฉพาะปี 2563-64 นี้ เราได้เห็นเคสดังๆมากมาย เช่น 

• ธนาคารทหารไทย TMB + ทุนธนชาต TCAP = ธนาคารทหารไทยธนชาต TTB 
• เซนทรัลพัฒนา CPN เข้าซื้อกิจการ SF สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ (เจ้าของห้างเมกะบางนา และคอมมูนิตี้มอลล์)
• Gulf Energy เข้าไปซื้อกิจการ INTUCH 
• SCBX ยานแม่ เข้าซื้อกิจการกระดานเทรดคริปโตฯ Bitkub
• CPALL / CPF / MAKRO ร่วมกันส่ง MAKRO เข้าไป acquired กิจการ LOTUS

 

ผมกำลังรู้สึกแบบแรงกล้าว่า M&A กำลังจะเป็นการเติบโตรอบใหม่ของหุ้นใหญ่ใน SET หลายๆตัว และโดยท่าปกติ ตามตำราการลงทุน ส่วนใหญ่แล้ว หุ้นที่เป็น Target (ถูกซื้อ) จะได้ประโยชน์ใน "เชิงราคาหุ้น" มากกว่า 

 

กรณี CPN ซื้อกิจการของ SF ... หุ้น SF ได้ประโยชน์กว่า 

กรณี GULF ทำเทนเดอร์หุ้น INTUCH ... หุ้น INTUCH ได้ประโยชน์กว่า 

กรณี SCBX เทคฯ Bitkub ... ผู้ถือหุ้น Bitkub ได้ประโยชน์กว่า 

 

ผมยังมีความเชื่อว่าปี 2565 จะเป็นปีแห่งโอกาสของธุรกิจไทยนอกจากการฟื้นตัวแบบ “ก้าวยาวๆแล้ว ยังมีอีกหลายกิจการที่พยายามสร้างการเติบโตรอบใหม่จาก 8 กระบวนท่าสำคัญ ตัวเราในฐานะนักลงทุนมีหน้าที่มองหากิจการที่อยู่ในสถานะที่จะได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้