#แนวคิดด้านการลงทุน

เก็บภาษีขายหุ้น

โดย อธิป กีรติพิชญ์
เผยแพร่:
128 views

1.
กรณีที่รัฐเตรียมจัดเก็บภาษีจากการขายหุ้น (Financial Transaction tax) 0.1% ของมูลค่าขายเกิน 1 ล้านบาทต่อเดือน
ก็เข้าใจว่าเก็บภาษีไม่เข้าเป้า ...ก็ทราบอยู่ว่ารายจ่ายมันเยอะลดไม่ได้สำคัญทั้งนั้น
แต่การมาเก็บภาษีกับการขายหุ้น...มันมีผลกระทบ ได้ไม่คุ้มเสีย
เอาตรงๆคือ ... "ไม่เห็นด้วย"


2.
เราทราบกันดีว่า การลงทุนในระยะยาวให้ผลที่ดี หุ้นเป็นขาขึ้นในระยะยาว แม้จะไม่เติบโตมากแต่เงินปันผลนั้นตอบโจทย์
ความเป็นจริงคือ คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่ได้ใช้ตลาดทุนในเชิงการออมการลงทุนมากเท่าที่ควร เรามีบัญชีลงทุนหุ้นที่แอคทีฟจริงอยู่ระดับ 2 ล้านบัญชีเท่านั้น


3.
ด้วยเหตุนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และผู้เกี่ยวข้องสารพัดฝ่าย จึงสนธิกำลังกันให้ข้อมูล ทำสารพัดโครงการ เพื่อสนับสนุนการลงทุนกับคนไทย ให้เป็นทางเลือกในการออมระยะยาว ทั้งโครงการ
>>> InvestNow
>>> ออมไว้ในหุ้น
>>> ลงทุนแบบDCA
>>> ห้องเรียนนักลงทุน24ชั่วโมง


4.
ณ.วันนี้ แม้จะดีขึ้นมาก แต่ตลาดทุนไทยก็ยังไม่ได้เป็นแหล่งหลักในการออมและการลงทุนของคนหมู่มากขนาดนั้น ถือว่ายังอยู่ในช่วงของการพัฒนา
คิดดูว่าขนาดดอกเบี้ยแบงค์ต่ำขนาด <1% ผู้คนก็ยังไม่กล้าลงทุนในตลาดหุ้นอยู่ดี นี่ยิ่งจำเป็นต้องกระตุ้นให้ประชาชนมาออมในตลาดทุนเพิ่มมากขึ้น


5.
การยกเลิก LTF ไปเมื่อ 2 ปีก่อน ก็ทำให้วอลุ่มของสถาบันในประเทศลดลงไปพอสมควรดอกนึงแล้ว ... นี่หากจะเก็บภาษีขายหุ้นอีก ก็จะเป็นการลดวอลุ่มลงทุนของรายย่อยลงไปอีกแน่นอน
ทั้ง LTF และการลงทุนหุ้น ยิ่งมีมากๆ ก็ยิ่งดี คนเหล่านี้จะดูแลตัวเองหลังเกษียณได้โดยไม่ต้องพึ่งพารัฐ ซึ่งนี่ตอบโจทย์ร้าบานเลยว่าคนไทยควรดูแลตัวเองได้ ไม่ใช่ทุกอย่างเรียกร้องแต่รัฐอย่างเดียว


6.
การจัดเก็บภาษีจะทำให้ต้นทุนของนักลงทุนสูงขึ้น บางคนบอกว่า โธ่แค่ 0.1% เองจะดิ้นอะไรนักหนา
-> มันคือ 0.1% ของวอลุ่มการขายทั้งก้อนครับ ซึ่งมันไม่ใช่กำไรนะ คนขายหุ้นขาดทุนก็มีเยอะแยะ จะเก็บ 0.1% ของทั้งก้อนขายมันจะดีเหรอครับ เขาขาดทุนก็เจ็บแล้ว ต้องจ่ายภาษีเพิ่มอีก
-> ต้นทุนของนักลงทุน ตอนขายเราโดนอยู่แล้วค่า commission fee ของโบรคเกอร์ 0.1% (ยังต้องจ่ายVATอีกนะ) การเบิ้ลค่าภาษีอีก 0.1% มันคือเพิ่มต้นทุน "เท่าตัว" นะเว้ยเฮ้ย


7.
นักลงทุนบางประเภท ที่เขาเทรดหุ้นไวไว จะได้รับผลกระทบสูง เพราะมีซื้อขายตลอดเวลา นลท.เหล่านี้คือคู่หยินหยางกับนลท.วีไอที่ร่วมสร้างสมดุลให้ตลาด
-> นลท.วีไอ ซื้อแล้วถือ สร้างเสถียรภาพ
-> นลท.ไวไว ซื้อขายทำกำไรกับส่วนต่าง สร้างสภาพคล่อง liquidity


8.
สายไวไวที่หวังผลกำไรระยะสั้น ต้นทุนเพิ่ม จะกระทบต่อวอลุ่มการซื้อขายในภาพรวม
จากปัจจุบันที่มีมูลค่าการซื้อขายใน SET เฉลี่ยราว 7-9 หมื่นล้านบาทต่อวัน
นี่คือตลาดหุ้นที่วอลุ่มเทรดสูงสุดเป็นอับดับ 1 ในอาเซียน SETไทยนี่คือแชมป์ซีเกมส์นะครับ
อัตราภาษี...จะมีก็ต้องให้ตลาดหุ้นไทยแข่งขันได้ กับตลาดอื่นในภูมิภาคและตลาดหุ้นทั่วโลกด้วย ไม่งั้นวอลุ่มหาย จะกลายเป็นตลาดที่ไม่มีคนเดิน


9.
ถ้าต้องการภาษีจริงๆ ยังไงก็ต้องเก็บเพิ่ม จะพิณาฯเก็บภาษีให้มันตรงเป้าหมายของตลาดหลักทรัพย์และกลต.ดีไหม?
คือSET จะมีการแจกใบเหลือง(cash balance T1 T2 T3) เตือนหุ้นร้อน เตือนนักลงทุนไว้อยู่แล้ว
จปส.คือต้องการลดความร้อนแรงของ "หุ้นไสยศาสตร์" ที่เทรดแบบบ้าคลั่ง ผิดกฏ ผิดผี
ก็เอาการเก็บภาษีซื้อขายหุ้นนี่แหละ มาใช้กับหุ้นไสยศาสตร์พวกนี้

-> โดน T1 เก็บภาษีไสยศาสตร์ 0.1%
เตือนก่อนจัดไปหนึ่งดอก

-> ถ้ายังปั่น เอ๊ยเฮี้ยนต่อได้อีก
โดน T2 เก็บภาษีไสยศาสตร์ 0.5%

-> ถ้ายังไม่หยุดอีก
โดน T3 เก็บภาษีไสยศาสตร์ 0.8%
เอาทั้งซื้อ ทั้งขาย ทำแบบนี้

-> SET ได้เตือนนักลงทุน
-> นักลงทุนได้ความยั้งคิด เพราะคชจ.แพงขึ้น
-> ร้าบานได้เก็บภาษี
วินทุกฝ่าย


เจ้าของหนังสือ Best Seller “ติวหุ้น รวยด้วยวีไอ” และยังเป็นวิทยากรคอร์ส “ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐานแบบ Value/Growth Investor” ด้วยประสบการณ์ในตลาดทุนกว่า 17 ปี และประสบการณ์ในการเป็นติวเตอร์ บวกกับความเป็นคนอารมณ์ขัน  ทำให้คุณนิ้วโป้งสามารถถ่ายทอดเรื่องยาก อย่างการลงทุน ให้เข้าใจได้ง่าย และยังใช้ภาษา ลีลาที่มีเอกลักษณ์น่าสนใจอย่างยิ่ง จึงทำให้ได้รับเชิญไปบรรยายในงานต่างๆ มากมาย

Facebook

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง