หลายๆครั้งที่นักลงทุนใช้เวลาไปกับการพยายามค้นหา "หุ้นดี"
แต่ในความเป็นจริง การพยายามหลีกเลี่ยง "หุ้นอันตราย" อาจจะดูง่ายกว่ามาก

เพราะว่าหุ้นดี ต้องวิเคราะห์หลายปัจจัย งบการเงิน ผลประกอบการย้อนหลัง ผู้บริหาร กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ ธรรมชาติของธุรกิจ และสุดท้ายอาจจะด้วยเรื่องของราคาหุ้น ว่าราคานี้เหมาะสมไหมที่เราจะซื้อ
แต่ถ้าเราหลีกเลี่ยงหุ้นอันตราย จะใช้การวิเคราะห์ที่ง่ายกว่า
... นี้เป็น 5 ข้อง่ายๆ ที่จะทำให้เราหลีกเลี่ยง "หุ้นอันตราย"

1. บริษัทมีผลประกอบการขาดทุน
วิธีนี้ดูง่ายมาก เปิดเว็บไซด์ของตลาดหลักทรัพย์ ดูผลประกอบการย้อนหลัง
ถ้าขาดทุนติดต่อกันมา 2-3 ปี แสดงว่าหุ้นนี้อาจจะไม่เหมาะแก่การลงทุนแล้ว

2. อยู่ในธุรกิจที่ไม่สดใส
ธุรกิจที่ไม่สดใส แสดงว่าบริษัทมีความ "ล้าสมัย"
ความล้าสมัยไม่เพียงแต่ทำให้ธุรกิจเติบโตไม่ได้ แต่อาจจะทำให้ธุรกิจล้มหายไปเลยเหมือนอย่างที่เราเคยเห็นในหลายกรณีด้วยกัน

บ่อยครั้งที่บริษัทอยู่ในธุรกิจที่กำลังโดน "ดิสรัป" จากเทคโนโลยี
ตรงนี้ก็ต้องระมัดระวังด้วยเหมือนกัน เพราะในระยะยาวแล้ว อะไรก็ตามที่ไม่เปลี่ยนแปลงหรือไม่ได้เอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำธุรกิจในสมัยนี้ ถือว่าอยู่ยากด้วยเหมือนกัน

3. ผู้บริหารที่มีประวัติไม่ค่อยดี
ก่อนจะลงทุนซื้อหุ้น เราอาจจะทำการบ้านให้มากขึ้นโดยการเข้าไปดูว่าผู้บริหารคนนี้เป็นใคร
เอาชื่อของผู้บริหารไปค้นหาใน Google ดู ว่าเขาเคยทำอะไรมาบ้าง มีประวัติอะไรบ้าง

ถ้าผู้บริหารคนนี้เคยบริหารองค์กรใหญ่ๆแล้วประสบความสำเร็จ ถือว่าน่าสนใจ
แต่หลายครั้ง เราก็จะเจอผู้บริหารที่ "เล่นหุ้น" ของตัวเองด้วยเหมือนกัน เราอาจจะต้องระมัดระวังให้มากหน่อย

4. บริษัทมีหนี้สินสูง
บริษัทที่มีหนี้สินสูง จะเจอกับ 2 ปัญหาใหญ่คือ เพิ่มทุน และจ่ายดอกเบี้ยหมดจนกำไรไม่เหลือถึงผู้ถือหุ้น
... แน่นอนว่าการเพิ่มทุน เป็นคำที่ไม่ถูกใจของนักลงทุนอยู่แล้ว
เพราะนักลงทุนทุกคนเข้ามาลงทุนก็คาดหวังกำไร ไม่ใช่การใส่เงินเพิ่มลงไป
จึงไม่แปลกใจ ถ้าหากบริษัทไหนประกาศเพิ่มทุน ราคาหุ้นมักจะร่วงทันที

อีกอย่างคือ บริษัทที่มีหนี้สินสูง จะจ่ายดอกเบี้ยจนหมด ก่อนจะกลายมาเป็นกำไรสุทธิถึงผู้ถือหุ้น
ถ้าบริษัทมีกำไรน้อย อาจจะไม่ได้จ่ายปันผล เท่ากับว่าผู้ถือหุ้นก็เสียประโยชน์เหมือนกัน
ดังนั้น บริษัททีมีหนี้สินสูง ถือเป็นหุ้นอีกกลุ่มที่ "อันตราย" ด้วยเหมือนกัน

5. หุ้นที่ราคาวิ่งทะลุฟ้าไปแล้ว
กว่าที่นักลงทุนจะรู้ว่าเป็นหุ้นดี ราคาหุ้นก็วิ่งทะลุฟ้าไปแล้ว ... แบบนี้เราควรซื้อตาม ?
ไม่ควรครับ ...
เพราะว่าหุ้นจะดีขนาดไหน การซื้อหุ้นในราคาแพงย่อมไม่ใช่การลงทุนที่ดี
เหมือนว่าราคาหุ้นใส่ "ความคาดหวัง" ลงไปแล้ว ถ้าไม่ได้ไปตามความคาดหวังราคาหุ้นก็จะลง ตัวอย่างเช่น
หุ้นที่มีการเติบโตระดับ 50% เหมือนหุ้นเทคปัจจุบันหลายๆตัว ถ้าอยู่ดีๆมีสักไตรมาสเติบโตเหลือ 30% ราคาหุ้นก็จะร่วงทันที

ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว โตระดับ 30% ถือว่ายังอยู่ในระดับที่สูงอยู่ แต่เนื่องจากว่าราคาหุ้นพุ่งไป "เกินความคาดหวัง" ไปแล้ว
ดังนั้น ราคาหุ้นที่วิ่งไปไกลแล้ว นักลงทุนอาจจะต้อง "รอ" ไปก่อน
รอให้เกิดวิกฤต แล้วค่อยช้อนซื้อ ก็ยังไม่สาย

การค้นหาหุ้นดี ใช้พลังงานมาก
แต่ถ้าเราเปลี่ยนมุมมองว่า หลีกเลี่ยงหุ้นอันตราย ใช้พลังงานน้อยกว่า วิเคราะห์ง่ายกว่า และทำให้เงินลงทุนของเราไม่เสียหายด้วย