บทวิเคราะห์จาก Morgan Stanley เปิดเผย หุ้นจีน 10 อันดับแรกที่นักลงทุนสถาบันอเมริกาถือมากที่สุด กลับไม่มีหุ้น Alibaba อยู่ในนั้น
โดยหุ้นจีน 10 อันดับแรก ที่นักลงทุนสถาบันมากที่สุด เช่น
>>> Beigene ... บริษัทผลิตและวิจัยยา biotechnology ถืออยู่ 62.8%
>>> Yum China ... บริษัทร้านอาหาร อาหารจานด่วน KFC ถืออยู่ 50.5%
>>> Zai Lab ... บริษัทผลิตและวิจัยยาถืออยู่ 46.2%
>>> iQiyi ... Netflix ของเมืองจีน ถืออยู่ 40.2
Morgan Stanley เปิดเผยอีกว่าค่าเฉลี่ยของหุ้น 10 ตัวแรก นักลงทุนสถาบันถืออยู่ 43%
ถ้าขยายเป็น 50 ตัวแรก จะมีค่าเฉลี่ยที่นักลงทุนสถาบันถืออยู่ 27%
ถามว่าแล้วหุ้น Alibaba ละ ? กองทุนถืออยู่เท่าไรกันแน่ ....
คำตอบคือ 13% !!
... ซึ่งถือว่าน้อยกว่าค่าเฉลี่ยที่ 27% อยู่มาก
ในขณะที่หุ้นรถไฟฟ้า Nio ถืออยู่เพียง 20% เท่านั้นถือว่ายังน้อยกว่าค่าเฉลี่ยอยู่เหมือนกัน
นักวิเคราะห์ของ CNBC เปิดเผยว่าประเด็นที่นักลงทุนสถาบัน - กองทุน เทขายหุ้น Alibaba มาจากสาเหตุสำคัญ 2 ประการ คือ
1. การควบคุมอย่างเข้มงวดจากรัฐบาลจีน
2. มีความไม่แน่นอนเรื่องของหุ้น BABA ที่จะถูก delist ในตลาดหุ้นอเมริกากลับไปซื้อขายที่ฮ่องกง
นักวิเคราะห์จาก CNBC แสดงความคิดเห็นว่าหลายบริษัทจีนที่เทรดในกระดานทางฝั่งอเมริกามีความเสี่ยงที่จะกลับไปเทรดที่ตลาดฮ่องกง ซึ่งฮ่องกงเป็นตลาดเสรี สถาบันก็แค่ทำการแลกหุ้นไปอยู่ตลาดฮ่องกงไม่น่าเป็นความเสี่ยงที่เราควรคำนึงถึง รวมถึงกฏหมายในฮ่องกงก็มีความเป็นสากล เช่น หุ้น Alibaba, Trip.com หรือแม้กระทั่ง Baidu
แต่สำหรับหุ้นจีนหลายบริษัท เช่น iQiyi ไม่มีซื้อขายในตลาดฮ่องกง ยังมีความไม่แน่นอนว่าจะทำอย่างไรต่อไป
โดยหนทางที่เป็นไปได้ คือ ไปลิสต์ที่ตลาดหุ้นจีน ซึ่งกฏหมายของจีนค่อนข้างไม่เป็นมิตรกับนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น
และอีกทางที่เป็นไปได้มากที่สุด คือ จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงอย่างที่ Nio ทำ
ก็ถือเป็นประเด็นที่น่าสนใจเหมือนกัน เพราะหุ้น Alibaba ถือเป็น "แม่เหล็ก" ที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในหุ้นจีนมากขึ้น และช่วง 3-4 ปีมานี้ Alibaba ก็เป็นดาวเด่นมาโดยตลอดแต่หลังจากถูกประเทศจีนเข้ามาควบคุมหลายอย่างทำให้ความน่าสนใจนี้ลดลงไป
... สอดคล้องกับราคาหุ้นที่ร่วงลงมามากกว่า 50% ภายในปีนี้
--------------------------------
ขอบคุณแหล่งข้อมูล