หุ้น คือ สิทธิ์ความเป็นเจ้าของกิจการ
ถือได้ตลอดไป ไม่มีวันหมดอายุ
กิจการดีจริง หุ้นขึ้น 100-1,000% เป็นไปได้
ถือยาวได้ ไม่อึดอัด เพราะมีปันผล
Futures คือ สัญญาซื้อขายล่วงหน้า
เป็นข้อตกลงระหว่างผู้จะซื้อ & ผู้จะขาย
ตกลงแล้วไม่ต้องจ่ายเงินเต็ม เพราะการซื้อขายยังไม่เกิด
ถือยาวไม่ได้ เพราะสัญญามีหมดอายุ
Options คือ สิทธิ์ที่จะซื้อหรือขาย
ผู้ซื้อจ่ายตังค์ ได้สิทธิ์ ใช้หรือไม่ได้ก็ได้
ผู้ขายรับตังค์ เกิดพันธะผูกพัน
คิดเหมือนซื้อประกันฯ
ถือยาวไม่ได้ เพราะมีหมดอายุ
ถือยาวไม่ได้ เพราะยิ่งถือนาน มูลค่ายิ่งลด
ธรรมชาติของผลิตภัณฑ์แตกต่างกันขนาดนี้..
ก็ไม่ควรที่จะเทรดเหมือนกัน หรือให้ นน. กับเครื่องมือชุดเดียวกัน...
ถ้ากิจการดีจริง. "หุ้น" มีสิทธิ์ขึ้น 100-1,000%+ ได้
การถือให้ยาวจะเวิร์คสุด คืนกำไรยังไงก็ได้มากกว่าเล่นสั้น
ดังนั้นเครื่องมือทางเทคนิคที่ต้องให้ นน. สุดคือ Trend indi
ไม่ใช่ไปเจอ Divergence แล้วเผ่น ขายหมูหมด
ส่วน Futures นั้นถูกออกแบบให้ใช้ Leverage ได้
หมายความว่า "ไม่จำเป็น" ต้องวางเงินเต็มมูลค่าสัญญา
Leverage 1:3 หมายความราคาขึ้น 1% กำไรขึ้น 3%
แปลว่าเมื่อมีสถานะเราจะ Price sensitive มาก
ถือ Run trend ทนคืนไม่ไหวหรอก ต้องจบเร็วกว่านั้น
ต้องเทรดตามจังหวะเหวี่ยงขึ้นลงแต่ละขา หรือ Swing ของราคา
ดังนั้นเครื่องมือทางเทคนิคที่ต้องให้ นน. สุดคือ Momentum indi
Options ราคาสบัดรุนแรง
ถือยาวไป Time decay กินหมด
เข้าถูกทางยัง Run trend ไม่ได้เลย.
จะกำไร Options เต็มๆ ต้องเข้าตอนที่มัน Discount
และอาศัยจังหวะสบัดกลับมา เป็น Premium ด้วยยิ่งดี
ไม่งั้นก็อาศัย Volatility ดูกรอบราคาและเทรดเป็น Income ไป
ดังนั้นเครื่องมือทางเทคนิคที่ต้องให้ นน. สุดคือ Volatiltiy indi
เพราะธรรมชาติของหลักทรัพย์แต่ละประเภทแตกต่างกัน
วัตถุประสงค์ & ประเภทของผู้เล่นก็จะแตกต่างกัน
ผลคือลักษณะราคาก็จะแตกต่างกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้.
ไม่มีหรอกนะครับ. Trade setup ที่เวิร์คหมดกับทุกสินค้า
กลยุทธ์ทุกประเภท เวิร์ค ภายในสภาพแวดล้อมเฉพาะของมัน
ก่อนหยิบเครื่องมือมาใช้ ทำความเข้าใจ "กลไล" มันเสียก่อน
ถ้าเน้นเครื่องมือเยอะไป แต่ลำดับความสำคัญไม่ได้ สุดท้ายเมาหมัด
ขอให้ทุกท่านโชคดีในการลงทุนกันนะครับ