ประเทศจีนกำลังเจอกับปัญหามลพิษที่มีระดับรุนแรงเป็นเวลายาวนานต่อเนื่องกันมาหลายปี สาเหตุหนึ่งก็คือการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมแบบก้าวกระโดดในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ซึ่งก็ตามมาด้วยปัญหาเรื่องมลพิษที่รุนแรงและยากจะควบคุมในตอนนี้
สาเหตุต่อไปก็คือเรื่องของภาวะการเป็นสังคมเมืองที่มากยิ่งขึ้น ทำให้การใช้ยานพาหนะ รวมถึงการใช้พลังงานซึ่งต้องมาจากการเผาถ่านหินยังคงมีปริมาณสูง
มีเพียง 8 จาก 74 เมืองในจีนเท่านั้นที่ผ่านเกณฑ์ระดับคุณภาพอากาศที่มีความปลอดภัย ซึ่งนับว่าจะเป็นภาระต่อสุขภาพของสังคมและผลิตผลของแรงงานในอนาคตมากขึ้นอีกมาก
เมืองปักกิ่งไม่กี่วันที่ผ่านมาก็ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควันจากมลพิษอย่างรุนแรง ถึงขนาดมีการประกาศให้ประชาชนอยู่ในตัวอาคาร เพราะระดับความรุนแรงของมลพิษเข้าขั้นเป็นอันตรายสูง
ไม่เพียงแต่เมืองปักกิ่งเท่านั้น เมืองศูนย์กลางการเงินที่ได้ชื่อว่าปารีสตะวันออกอย่าง "เซี่ยงไฮ้" ก็เจอปัญหานี้เช่นกัน ว่ากันว่าหลายๆเมืองในจีน ปีนึงมีวันที่ท้องฟ้าสลัว ปกคลุมไปด้วยหมอกควัน กว่า 200 วันต่อปีเลยทีเดียว
นี่เป็นสิ่งที่ทางรัฐบาลจำเป็นต้องออกมาตรการควบคุมการปล่อยมลพิษในระดับเข้มงวดสูงสุด โรงงานไหนที่ไม่ทำตามกฏที่ต้องลดระดับการปล่อยก๊าซ หรือ การบำบัดน้ำเสียที่ถูกต้องจะถูกสั่งหยุดทำการทันที และเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญอีกครั้งหนึ่งสำหรับแผน 5 ปีฉบับที่ 13 ของจีน
รัฐบาลจีนก็อัดเงินเข้าไปแก้ปัญหาในระบบเป็น "ล้านล้านหยวน" ทั้งการสนับสนุนการสร้างโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมทางสายไหม (The Belt and Road Initiative) ด้วยการเน้นเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืนและลดผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมเป็นปัจจัยหลักของทุกโครงการที่จะสร้างบนทางสายไหม
นอกจากนี้ยังจะเตรียมการเปิดตัวธนาคาร Asian Infrastructure Investment Bank (AIIB) เพื่อสนับสนุนการวิจัยนวัตกรรมที่เพิ่มประสิทธิภาพของการใช้พลังงานให้สูงขึ้น และสนับสนุนเม็ดเงินสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่เน้นความยั่งยืนเป็นหลัก AIIB จะกลายเป็นต้นแบบของการสนับสนุนเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืนของจีนในเวทีโลกหลังจากนี้ไป
แม้จะเป็นปัญหาที่ต้องใช้เวลาแก้มาก แต่กลับกลายเป็นโอกาสธุรกิจที่ใหญ่มากสำหรับบริษัทพวก "Environmental Protection" ของเมืองจีนและต่างชาติที่เข้าไปรับงาน ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบ ให้คำปรึกษาระบบการตรวจจับและควบคุมมลพิษแบบ real-time ระบบการจัดการขยะ ระบบการจัดการน้ำเสีย ระบบการกรองมลพิษ
ในแง่การลงทุน หุ้นของบริษัทประเภท Environmental Protection เหล่านี้ก็ปรับตัวขึ้นหลายเท่าในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ในระยะหลายปีหลังจากนี้ กำไรของบริษัทกลุ่มนี้น่าจะยังโตได้อีกมาก
ประวัติศาสตร์จะพอบอกเหตุผลได้ว่า เรื่อง Pollution Crisis คุยกันมาตั้งแต่ช่วงปี 1970 ก่อนที่จีนจะโตก้าวกระโดดด้วยอุตสาหกรรมด้วยซ้ำ แต่ปัญหาก็ยังไม่คลี่คลายมาถึงปัจจุบัน หากดูปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนที่ยังคงดำเนินต่อไปอีก 10 กว่าปีหลังจากนี้ ก่อนจะถึงช่วง peak ที่สี จิ้นผิงพูดไว้ อุตสาหกรรม Environmental Protection ก็คงจะยังเติบโตไปได้อีกในระยะยาว
เรื่อง Pollution เป็นเรื่องใหญ่ต่อการโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเมืองจีน และที่สำคัญคือเรื่องของสุขภาพของประชาชนอีกกว่า 1.36 พันล้านคน
อนาคตของกลุ่ม Environmental Protection อาจกลายเป็นกลุ่มดาวรุ่งกลุ่มหนึ่งที่น่าจับตามองในเวทีโลกครับ
ขอบคุณภาพจาก citylab.com
บทความโดย: บูม MoneyCrown / FB: MoneyCrown