"ผมไม่อยากเป็นอาตี๋ตึกแถวไปตลอดชีวิต ผมอยากมีบริษัทเป็นของตัวเอง"
“ผมเป็นคนไม่รอโอกาส แต่ผมจะสร้างโอกาส นี่เป็นแนวคิดที่แตกต่างระหว่างคนฟื้นได้กับฟื้นไม่ได้”
แนวคิดบางส่วนของหมู วรวุฒิ อุ่นใจ ที่เขียนไว้ใน “ชีวิต (ไม่) หมู : จาก SME ห้องแถว สู่ธุรกิจหมื่นล้าน” หนังสือเล่มแรกในชีวิตของเขา
หมู วรวุฒิ อุ่นใจ ผู้ก่อตั้ง “ออฟฟิศเมท” กับความฝันที่จะเป็น " บริษัทเครื่องเขียนที่ดีที่สุดและใหญ่ที่สุดในประเทศไทย” อย่างที่หมู วรวุฒิ กล่าว และคิดมาตั้งแต่ต้นที่ทำธุรกิจนี้เมื่อกว่า 30 ปีก่อน
แต่ความฝันของเขาที่เกิดขึ้นจนทำให้ดำเนินไป กับผู้คนส่วนใหญ่ก็มักมาจากสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบหรือหลงใหลให้ไปถึงสิ่งที่ฝัน ซึ่งต้องมาจากความต้องการตอบสนองให้ตัวเองเป็นหลัก แต่กับหมูคนนี้ไม่เป็นแบบนั้นอีกเหมือนกัน
หมู วรวุฒิ มีความฝันก็เพราะสภาวการณ์รอบตัวเป็นผู้กำหนด ความฝันของเขามีจุดเริ่มต้นที่เต็มไปด้วยความกดดัน ไม่มีอะไรมาจากสิ่งที่ชอบ ซ้ำยังออกจะติดลบ เพราะหากทำไม่สำเร็จ มันหมายถึงหายนะ
เขาเกิดมาในครอบครัวใหญ่ชาวจีน ตั้งแต่เล็กเขาสารภาพในหนังสือเล่มนี้ว่าเข้ากับใครไม่ค่อยได้ แถมยังโดนญาติพี่น้องล้อเลียนว่าเป็นเด็กไม่เต็มเต็ง เพราะเหมือนเป็นเด็กหัวช้า
เมื่อโตเข้าชั้นมัธยม ก็เรียนไม่เอาไหน ไม่เคยสนใจการค้าขาย กระทั่งเรียนมหาวิทยาลัย ชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
ธุรกิจร้านเครื่องเขียนของครอบครัวกำลังจะล่มสลาย พ่อแม่พี่น้องกำลังตกที่นั่งลำบาก จากวัยรุ่นผมยาว ออกแนวเพื่อชีวิต หนุ่มคนเดียวกันกลับกลายมาเป็นผู้กู้วิกฤติให้กับครอบครัว
จากร้านท่วมหนี้กลายเป็นขายดิบขายดีชนิดผิดหูผิดตา เพราะอดีตเด็กหัวช้าประจำบ้านคนนั้น
ส่วนความฝันก็เกิดขึ้นมาพร้อมกัน
เป็นความฝันที่เกิดจากความเข้าใจใน “ศาสตร์” ของการตลาด และหมู วรวุฒิ ก็เห็นช่องทาง มันจึงทำให้เขาก้าวต่อไปด้วยวิชาเหล่านั้นที่เขาศึกษาอย่างจริงจัง
พ่อผมถึงกับสบประมาทเลยด้วยซ้ำ ถึงกับออกปากว่า ‘มึงเจ๊งแน่’
ผมก็ต้องไฟต์กับพ่อพอสมควร” หมู วรวุฒิ เขียนไว้ในอีกบท เมื่อเขาเริ่มต้นคิดการใหญ่ ซึ่งแม้จะเทียบไม่ได้กับระดับที่เขาทำได้ในท้ายสุด แต่มันก็ไกลเกินกว่าที่ใครจะคิด ไม่เว้นแม้แต่คนใกล้ตัว
แต่ความฝันที่จะเป็นร้านเครื่องเขียนที่ดีที่สุด-ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยก็ค่อยก่อรูปก่อร่างขึ้นมา พร้อมไปกับการเรียนรู้อีกมาก ทั้งยามปกติและผิดปกติที่ไม่สามารถควบคุมได้อย่างวิกฤติต้มยำกุ้งเมื่อปี 2540
โดยการเรียนรู้ในแต่ละขั้นตอนของช่วงชีวิตกับธุรกิจ หมู วรวุฒิ สามารถนำต้นทุนในครั้งก่อนหรือครั้งเก่า มาปรับใช้กับทุกสถานการณ์ถัดมาอยู่เสมอด้วยทุกอย่างที่เขารับมันเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอเกมที่เขาหมกมุ่นเพื่อหนีไปจากความจริงในภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรือกระทั่งนิยายกำลังภายในที่เคยติดงอมแงมสมัยวัยรุ่น หมู วรวุฒิ สามารถนำมาพลิกแพลงเป็นกลยุทธ์เชิงธุรกิจได้ทุกสิ่ง จนทำให้ออฟฟิศเมทผ่านร้อนหนาวสามารถเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ และดีลยักษ์เข้าร่วมกับบริษัทระดับเซ็นทรัลกรุ๊ปในที่สุด
“เหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมอยากไปทำ บีทูเอส (B2S) เพราะผมเดินเข้าร้านหนังสือมาตลอดชีวิต มันก็ตอบสนองความฝันวัยเด็กที่เราอยากจะมีร้านหนังสือได้ด้วย” หมู วรวุฒิเขียนไว้ในอีกบรรทัด เป็นเหตุผลซึ่งออกจะแปลกเหมือนกัน สำหรับใช้ในการตัดสินใจควบรวมครั้งสำคัญที่ต้องทำให้ออฟฟิศเมทเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ฟังดูมีความ “โรแมนติก” อยู่ในที แต่มันก็คงเป็นการดำเนินชีวิตไปกับธุรกิจ อย่างมี “ศาสตร์” และ “ศิลป์” อย่างที่เขาเป็น และซุกซ่อนอยู่ในหนังสือเล่มนี้อยู่เป็นระยะ
“เวลาผมมองมาตรฐานของเรา ผมไม่เคยมองอยู่แค่ในบ้านเราเอง แต่ผมมองไปที่ระดับโลก ในทุกเรื่องผมพยายามจะประยุกต์หลักการของบริษัทระดับสากลมาปรับใช้” หมู วรวุฒิเขียนไว้ในอีกย่อหน้าหนึ่ง
และผลของมันก็เป็นที่ประจักษ์ชัดเจนด้วยความสำเร็จของออฟฟิศเมท
แต่ในบทที่ชื่อ “หมื่นแสนล้านมันก็เท่านั้น” ก็บอกด้วยถึงเวลาที่ต้องหยุดเมื่อควรหยุด
แล้วในวันหนึ่ง หมู วรวุฒิ ก็ทิ้งความสำเร็จทั้งหมดไว้แค่นั้น เขาจบชีวิตของนักธุรกิจ เมื่อเขาเห็นสิ่งที่ควรทำมากกว่าหาเงินไปวันๆ เขาก็ทิ้งทุกอย่าง แล้วเริ่มต้นบทใหม่ในชีวิตที่ไม่คุ้นเคย ไม่ต่างจากครั้งแรกที่ต้องเข้ามาทำธุรกิจให้กับครอบครัว
หมู วรวุฒิ ส่งต่อสิ่งที่ได้เรียนรู้มาด้วยประสบการณ์ตรงให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกมาก ผ่านทางการบรรยายตามวาระต่างๆ มามากมายตลอดหลายปี และเขาก็รวบรวมทั้งหมดนั้นไว้ใน “ชีวิต (ไม่) หมู : จาก SME ห้องแถว สู่ธุรกิจหมื่นล้าน” เล่มนี้ ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่เขากำลังมุ่งหวังจะทำในขณะนี้ ด้วยบทบาทใหม่ในฐานะรองหัวหน้าพรรคกล้า หมู วรวุฒิก็เชื่อมั่นเหมือนทุกครั้งที่ลงมือทำสิ่งใหม่ในการดำเนินธุรกิจ เขาต้องการใช้ความรู้ความสามารถ กับประสบการณ์ซึ่งมีทั้งศาสตร์กับศิลป์ มาทำให้กับประเทศนี้บ้าง
หรืออีกนัยก็น่าจะเป็นความต้องการจะทำให้ประเทศที่กำลังก่อหนี้มหาศาล กลายเป็นประเทศที่ “กี่ล้านล้านมันก็เท่านั้น” คล้ายกับที่เคยทำได้มาแล้วกับบ้านและธุรกิจของตัวเอง
นอกจากความคิด เคล็ดลับ กับประสบการณ์ในการทำธุรกิจหรือค้าขาย ทั้งหมด “ชีวิต (ไม่) หมู : จาก SME ห้องแถว สู่ธุรกิจหมื่นล้าน” เล่มนี้จึงน่าจะบอกถึงบางเส้นทางในอนาคตของประเทศนี้ที่กำลังจะไปถึงได้ด้วยเช่นกัน
ใครอยากเติมเชื้อไฟและเรียนรู้ตำราจากชีวิตจริงในการทำธุรกิจของนักธุรกิจต้นแบบคนนี้ ต้องไม่พลาดจับจองหนังสือเล่มนี้
“ชีวิต (ไม่) หมู : จาก SME ห้องแถว สู่ธุรกิจหมื่นล้าน”
.
เปิด Pre Order แล้ววันนี้
คลิก!! https://bit.ly/3p7cdEE