#ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐาน

เมื่อ KEX กำลังอยู่ในการแข่งขันที่ดุเดือด

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
85 views

หุ้น KEX หรือบริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ถือเป็นหุ้นอีกบริษัทที่มีความน่าสนใจในมุมของนักลงทุนตั้งแต่ก่อนเข้าตลาดด้วยราคา IPO 28 บาท และเปิดตลาดสูงถึง 70 บาท คิดเป็นผลตอบแทนสูงถึงเกือบ 300% ภายในวันเดียว
แต่ด้วยความที่เป็น IPO และการเข้าที่ "ถูกจังหวะ" เมื่อเทรดไปได้ไม่นานราคาหุ้นก็อ่อนตัวลงเรื่อยๆลงมาเหลือ 40-45 บาท ไซด์เวย์อยู่นานจนนักลงทุนเห็นแล้วว่าอาจจะเป็นโอกาสที่น่าสนใจจะเข้าลงทุน เนื่องด้วย KEX เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงทางด้าน Delivery และอยู่ในกลุ่มการขายของออนไลย์ที่เติบโตสูงมาก

แต่แล้วราคาหุ้น KEX ก็ยังอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่องเหลือ 35 บาท ทำให้นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามว่า "เกิดอะไรขึ้น" จนกระทั่งผลประกอบการไตรมาส 3 ของปี 2564 เริ่มทำให้เห็นแล้วว่า KEX กำลังมีปัญหา
แต่ปัญหาไม่ได้เกิดจากบริษัท แต่เป็นเพราะอุตสาหกรรมที่แข่งกันอย่างดุเดือด โดยเฉพาะ "สงครามราคา"....


ผลประกอบการของ KEX ที่ผ่านมา
ปี 2562 บริษัทมีรายได้ 19.89 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 1.32 พันล้านบาท
ปี 2563 บริษัทมีรายได้ 19.01 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 1.40 พันล้านบาท
.
ปี 2563 ผลประกอบการ 9 เดือน บริษัทมีรายได้ 14.74 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 1.03 พันล้านบาท
ปี 2564 ผลประกอบการ 9 เดือน บริษัทมีรายได้ 14.23 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 651 ล้านบาท

 

จะเห็นได้ว่าผลประกอบการของ KEX ดูดีขึ้น แต่สะดุดเอาช่วงไตรมส 3 ของปี 2564 โดยมาจากสาเหตุสำคัญ 2 ประการ คือ
1. อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) แนวโน้มปรับตัวลดลง จากการเร่งสาขา ต้นทุนพลังงาน ถึงแม้จะได้ปัจจัยบวกจากอุตสาหกรรมขายของออนไลน์ที่เติบโตมากขึ้น แต่ก็ยังไม่เพียงพอ

2. ภาพรวมของธุรกิจขนส่งแข่งขันกันดุเดือด ประเด็นนี้สำคัญมาก เพราะเป็นการแข่งขันกัน "ลดราคา" ในขณะที่ต้นทุนสูงขึ้น ทำให้อัตรากำไรลดลง จะขึ้นราคาก็อาจจะทำได้ลำบาก

 


ผลประกอบการไตรมาส 3 ที่ผ่านมาของ KEX มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 12.8 ล้านบาท ถือเป็นการลดลงแรงมากถึง 95% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว และลดลง 96% เทียบกับไตรมาส 2 ในปีเดียวกัน เป็นผลมาจากการแข่งขันทางด้านราคาที่ดุเดือด ถึงแม้ว่ารายได้ภาพรวมจะเติบโตราวๆ 15% จากอุตสาหกรรมการขนส่งที่เติบโต ได้ฐานลูกค้ามากขึ้น แต่ก็ยังไม่เพียงพอจะทำให้กำไรสุทธิของบริษัทปรับตัวเพิ่มตามไปได้

ที่ผ่านมา KEX มี Gross Profit Margin อยู่ราวๆ 14-18% แต่สำหรับไตรมาส 3 ปี 2564 ปรับตัวลดลงเหลือ 6.6% ถือว่าต่ำมาก โดยมาจากสาเหตุสำคัญ 3 อย่าง คือ
1. การแข่งขันทางด้านราคา
2. ต้นทุนแรงงานปรับตัวสูงขึ้น
3. ราคาน้ำมันโลกแพงขึ้น

... และถ้าการแข่งขันยังรุนแรงต่อไป ผลประกอบการไตรมาส 4 ก็ยังส่งผลเชิงลบอย่างต่อเนื่อง ทั้งการลดราคา การทำโปรโมชั่นเพื่อแย่งส่วนแบ่งการตลาด

 

บล. เอสบีไอ วิเคราะห์ว่า ภาพรวมของอุตสาหกรรม E-Commerce เติบโตขึ้น แต่การขนส่งแข่งขันกันดุเดือด ทำให้ KEX ผลประกอบการไตรมาส 4 ยังโดนกดดันต่อไปไปจนถึงปี 2565

 

บล. เคทีบี มีมุมมองเชิงลบต่อ KEX และปรับคำแนะนำเป็น "ขาย" เนื่องจากการแข่งขันที่ดุเดือด และยังไม่เห็นปัจจัยเชิงบวกต่อ KEX

 

บล. ฟินันเซีย วิเคราาะห์ว่า ตอนนี้ KEX กำลังอยู่ในตลาด "ทะเลเดือด" คือการแข่งขันสูง ต้นทุนสูง ค่าน้ำมันสูง ทำให้ผลประกอบการของ KEX ยังโดนกดดันต่อไป

บล. บัวหลวง มองว่า แนวโน้มระยะยาวของบริษัทมีความน่าสนใจ แต่ปัญหาสำคัญคือไม่รู้ว่าการแข่งขันที่ดุเดือดของอุตสาหกรรมขนส่งจะจบลงเมื่อใด


ถือว่าเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากของ KEX ที่ยังไม่เห็นปัจจัยเชิงบวก
แต่ด้วยราคาหุ้นที่ลดลงมามาก ก็ถือเป็นหุ้นอีกตัวที่อาจจะต้องจับตาอยุ่ใน Wishlist กันไปก่อนที่จะเห็นความชัดเจนที่ว่าการแข่งขันดุเดือดจะลดน้อยลง

----------------------------------------------

ขอบคุณแหล่งข้อมูล
https://portal.settrade.com/brokerpage/IPO/Research/upload/2000000426356/Fundamental%20011264%20-%20KEX.pdf

https://portal.settrade.com/settrade/iaaConsensus/analystConsensus/191169

https://portal.settrade.com/settrade/iaaConsensus/analystConsensus/191459

https://portal.settrade.com/settrade/iaaConsensus/analystConsensus/191349


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง