หลายปีที่ผ่านมานี้ ตลาดหุ้นต่างประเทศหลายแห่งขับเคลื่อนการเติบโตด้วยหุ้นเทคโนโลยี ตลาดหุ้นอเมริกาและยุโรปมีหุ้นอย่าง Apple, Microsoft, Amazon, Facebook (Meta), Tesla, ASML, Infineon ฯลฯ หรือตลาดหุ้นเอเชีย ก็มีหุ้นสายเทคโนโลยีอย่าง TSMC, Tencent, Alibaba, Meituan, Baidu ฯลฯ
ในขณะที่ตลาดหุ้นไทยเราแทบไม่มีหุ้นเทคโนโลยีที่เติบโตได้ในสเกลเหล่านั้นเลย
ประเทศไทยในช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าเราหาอุตสาหกรรมที่รักษาอัตราการเติบโตให้สูงแบบต่อเนื่องในระดับเกิน 10% ไปได้เรื่อยๆได้ยากเต็มที
การเติบโตที่ต่อเนื่องมาจากขนาดของตลาดที่ใหญ่ขึ้น ขนาดของตลาดที่ใหญ่ขึ้นมาจากการบุกออกไปต่างประเทศและตีชิงเอาผู้ใช้งานทั่วโลก ดิสรัปกลืนกินอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิมในประเทศที่ด้อยกว่า เหมือนอย่างที่หุ้นเทคโนโลยีระดับโลกทำมาตลอด 10 ปีนี้ กิจการในตลาดหุ้นไทยส่วนใหญ่ทำอะไรแบบนั้นไม่ได้ การเติบโตต่อเนื่องนั้น จึงเป็นอะไรที่หวังได้ยากสำหรับหุ้นไทยในภาพรวม
ในขณะที่หลายประเทศมุ่งไปข้างหน้าในรอบหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยของเราก็ยังใช้แนวคิดเชิญชวนต่างชาติเข้ามาลงทุนในภาคอุตสาหกรรม แต่ก็ไม่สามารถสร้างบรรยากาศที่น่าลงทุนให้เกิดขึ้นได้ การเมืองที่ไม่นิ่ง กำลังซื้อที่ตกต่ำ ความเสี่ยงในการทำธุรกิจเพิ่มขึ้น
ทำให้นักธุรกิจชะลอการตัดสินใจ ในขณะที่ประเทศคู่แข่งหลายประเทศในภูมิภาคนี้อย่างเวียดนามและอินโดนีเซีย ที่เป็นคู่แข่งสำคัญของประเทศไทย สามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนขนาดใหญ่และแบรนด์ธุรกิจแห่งอนาคตไปไว้ที่ประเทศ
ที่ผ่านมาการเติบโตของเศรษฐกิจไทยต้องอาศัย 2 เซคเตอร์ คือ การท่องเที่ยว และ การส่งออก เป็น “เดอะ แบก” ของเศรษฐกิจไทย แต่แล้วโควิด-19 ก็เข้ามาทำลายโลกพร้อมๆกันในช่วงต้นปี 2563 นโยบายปิดประเทศและจำกัดการเดินทางไปทั่วโลก ทำร้ายภาคท่องเที่ยวและภาคส่งออกมากที่สุด (ทำให้เศรษฐกิจไทยถูกกระทบอย่างรุนแรง และฟื้นตัวได้ช้า) รัฐบาลของแต่ละประเทศต่างก็พยายามต่อสู้กับโรคระบาด พร้อมกับการกอบกู้เศรษฐกิจ
เวลาผ่านไปสองปี เราก็ได้เห็นแล้วว่า ตลาดหุ้นของประเทศพัฒนาแล้ว (DM : Developed Market) และอีกหลายประเทศตลาดเกิดใหม่ (EM : Emerging Market) สามารถกลับไปก่อนจุดเกิดโควิด (Pre-Covid) และสร้างจุดสูงสุดใหม่(All Time High) กันเป็นว่าเล่น
ในขณะที่ตลาดหุ้นไทยเราขณะนี้ สามารถมาถึงจุด Pre-Covid ที่ 1620 จุดโดยประมาณ
ท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยที่ถูกกดต่ำ สภาพคล่องที่ยังคงล้นระบบ และสถานการณ์โควิดที่คลี่คลายลงมาก ทำให้โอกาสตลาดหุ้นไทยในปี 2565 ของหุ้นหลายตัวดูเปิดกว้าง แม้ไม่ได้เกิดจากการเติบโตไปได้เรื่อยๆในระยะยาว แต่ก็เป็นการก้าวยาวๆไปสู่จุดราคาใกล้เคียงก่อนเกิดโควิดได้ พร้อมกับการฟื้นตัวของผลประกอบการที่จับต้องได้จริงนับจากไตรมาส 4 ปี 2564 เป็นต้นไป
หุ้นไทยที่สามารถมีการเติบโตแบบ “ก้าวยาวๆ” ได้ในปีหน้านั้น อาศัยแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในรอบ 1-2 ปีข้างหน้าในหลากหลายรูปแบบ เช่น
1. การฟื้นตัวจากการ “เปิดเมือง” ผู้คนกลับมาเดินทาง ขึ้นทางด่วน ขึ้นรถไฟฟ้า เดินห้าง ดูหนัง ทานอาหารที่ร้าน รวมทั้งกลับมาท่องเที่ยวเมืองไทยกันอีกครั้งในช่วง high season ปลายปี ฯลฯ ส่งผลเชิงบวกต่อธุรกิจจำนวนมาก
2. การฟื้นตัวจากรอบธุรกิจที่เคยตกต่ำ กลับมาสู่ภาวะปกติ กิจการสถานีบริการน้ำมันที่เคยถูกผลกระทบจากน้ำมันแพงทำให้กระทบเชิงลบต่อค่าการตลาดและปริมาณการขาย เมื่อราคาน้ำมันโลกผ่านรอบราคาสูงกระทั่งปรับลดลงมา จะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มนี้
3. การฟื้นตัวจากการ “เปิดประเทศ” หลายกิจการมีลูกค้าหลักเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น สนามบิน สายการบิน โรงแรม สปา หรือแม้แต่หุ้นบางตัวในกลุ่มสื่อสารและการแพทย์ ที่มีสัดส่วนรายได้จากชาวต่างชาติจำนวนไม่น้อย ซึ่งอาจรวมไปถึงกลุ่มอสังหาฯ ที่มีสัดส่วนขายให้ชาวต่างชาติด้วยเช่นกัน จะทยอยรับรู้รายได้ตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่กลับมา
ผมยังมีความเชื่อว่าปี 2565 จะเป็นปีแห่งโอกาสของธุรกิจไทยในการฟื้นตัวแบบ “ก้าวยาวๆ” และในเชิงนักลงทุน เรามีหน้าที่มองหากิจการที่อยู่ในสถานะที่จะได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้