กราฟรูปแบบสี่เหลี่ยม หรือ Rectangle Pattern คือการเคลื่อนที่ของกราฟแท่งเทียนในระดับไซด์เวย์ออกข้าง ในระดับเดียวกัน
วิ่งเป็นกรอบสี่เหลี่ยมเราเรียกด้านบนของกรอบ ว่า "แนวต้าน" Resistance
กรอบด้านล่าง เราเรียกว่า "แนวรับ" Support
แน่นอนว่าแนวรับ คือ จุดที่มีแรงซื้อเข้ามาทำให้ราคาหุ้นวกกลับตัวขึ้นไป
และแนวต้าน คือ จุดที่มีแรงขายจนทำให้ราคาหุ้นกลับตัวลงมาได้
จิตวิทยาของกราฟสี่เหลี่ยม บ่งบอกว่าราคาหุ้นอยู่ในระดับของการ "สะสมกำลัง" เพื่อรอเลือกทาง (Breakout) ทะลุผ่านกรอบสี่เหลี่ยมออกไปให้ได้
... ระหว่างการเคลื่อนที่ เราไม่สามารถรู้ได้ว่าจะเลือกทางขึ้น หรือว่าเลือกทางลง
ถ้าเลือกทางขึ้น มีโอกาสที่ราคาหุ้นจะวิ่งขึ้นไปต่อได้อีก จนกว่าจะเจอแนวต้านถัดไป
แต่ถ้าเลือกทางลง ราคาหุ้นก็อาจจะไหลยาวจนกว่าจะเจอแนวรับถัดไป
จังหวะที่นักลงทุนสามารถเลือกเก็งกำไรได้ มีอยู่ 2 จังหวะคือ
1. จังหวะของการ Breakout ถ้าทะลุผ่านกรอบ (พร้อมวอลุ่มปริมาณการซื้อขาย) ก็เป็นสัญญาณในการซื้อตามเพื่อเก็งกำไรขึ้นไป จนกว่าจะเจอแนวต้านถัดไป หุ้นถึงจะกลับตัวลงมา
ถ้าหุ้นยังคงสภาพเป็นขาขึ้นได้ต่อ จังหวะที่หุ้นลงคือการ "ย่อเพื่อขึ้นต่อ" โดยสัญญาณคือ ห้ามหลุดกลับเข้ามาในกรอบ ถ้ากลับเข้ามาในกรอบแสดงว่าสัญญาณ Breakout ก่อนหน้านี้ คือ Fail Break
2. ขึ้นขาย - ลงซื้อ โดยใช้แนวรับแนวต้านภายในกรอบ กล่าวคือ ถ้าหุ้นลงมาถึงแนวรับให้ซื้อ เพื่อรอไปขายแนวต้าน
นี้เป็น 2 จังหวะที่นักเก็งกำไรมักใช้รูปแบบกราฟรูปแบบสี่เหลี่ยม ในหาจังหวะซื้อเพื่อขายทำกำไร
แต่ปัญหาของ Pattern นี้คือ เราอาจจะเจอสัญญาณ Fail Break เหมือนว่าหุ้นจะขึ้น แต่ขึ้นได้ไม่นานก็วกกลับหัวลงมาทำให้เราเสียจังหวะในการ Cut Loss ออกไป
ดังนั้น เวลาจะเลือกใช้ ต้อง "เผื่อใจ" ในการขาดทุนทุกครั้งครับ ...