#ข่าวหุ้นธุรกิจการลงทุน

ทำไมนักลงทุนไม่ควรกังวล QE Tapering ของ FED มากเกินไป

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
152 views

เข้าสู่ช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 2564 ปัจจัยเศรษฐกิจที่ตลาดหุ้นทั่วโลกกำลังจับตา คือการถอนนโยบายผ่อนคลายการเงินของ Fed (QE Tapering) ว่าจะเข้มงวดกว่าตลาดคาดหรือไม่

QE Tapering คือการปรับลดเม็ดเงินที่ใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการ QE ของสหรัฐ เพราะตั้งแต่ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เริ่มดำเนินมาตรการ QE หรือการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบการเงิน เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจจากวิกฤตสินเชื่อด้อยคุณภาพ (SubPrime) ตั้งแต่ปี 2008 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันนั้นมีเม็ดเงินจำนวนมากไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นในเอเชียและตลาดหุ้นเกิดใหม่จำนวนมากรวมถึงไทยด้วย
ดังนั้นถ้า FED ประกาศลด QE Tapering ย่อมมีผลต่อกระแสเงินไหลกลับจากตลาดหุ้นเกิมใหม่เข้าสู่อเมริกา ส่งผลให้ตลาดหุ้นเกิดใหม่ "ร่วงแรง"

 

อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติม : เงินบาทอ่อนค่ากับเรื่องน่ากังวลในเศรษฐกิจไทย


Nomura มีมุมมองว่า FED มีแนวดน้มจะลดงเงินในปลายเดือนพฤษจิกายน มีผลต่อเดือนธันวาคม โดยจะเป็นการลดการซื้อพันธบัตร 1หมื่นล้านเหรียญฯ และ MBS 5พันล้านเหรียญฯ ทุกๆ เดือน ก่อนสิ้นสุดโครงการ มิ.ย.2022 ซึ่งประเด็นนี้ ถือเป็นแรงกดดันต่อตลาดสินทรัพย์เสี่ยงในด้านสภาพคล่องไหลออก โดยเฉพาะกลุ่มตลาดเกิดใหม่และกลุ่ม "Trouble Ten"

กลุ่ม Trouble Ten คือ 10 ประเทศที่กำลังเจอกับปัญหาทางเศรษฐกิจในระดับสูง เช่น การฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่อ่อนแอ อัตราเงินเฟ้อเร่งตัวแรง นโยบายการเงินในประเทศที่ไม่ชัดเจน ดุลบัญชีเดินสะพัดอ่อนแอลง และขาดดุลทางการคลังสูงขึ้น
... แน่นอนว่า "ไทย" ก็รวมอยู่ในกลุ่มนี้ด้วยเหมือนกัน

 

อย่างไรก็ตาม ถ้าใครสังเกตหุ้นไทยที่ผ่านมา 2-3 เดือนก่อนหน้านี้ กองทุนต่างชาติลดสัดส่วนหุ้นไทยไปค่อนข้างเยอะมาก สะท้อนจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วแตะระดับ 33-34 บาท ก่อนหน้านี้

ฝ่ายวิจัยของ Nomura เปิดเผยจากข้อมูลสถิติย้อนหลัง จะพบว่า Fund Flows ต่างชาติมีผลต่อตลาดสินทรัพย์เสี่ยงในเอเชียน้อยลงกว่าในอดีตมาก ดังนั้นนักลงทุนอาจจะไม่ต้องกังวลมากเกินไป โดยชี้ให้เห็นเหตุผล 3 ข้อ คือ
1. ตลาดหุ้นไทยสัดส่วนของมูลค่าการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติอยู่ในระดับ 35-40% เทียบกับอดีตที่มีน้ำหนักมากถึง 60%

2. การถือครองหุ้นไทยในปัจจุบันของต่างชาติอยู่ในระดับ 18% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในระยะยาวที่ 25%

3. โครงสร้างปัจจุบันของตลาดหุ้นไทย นักลงทุนสถาบัน-รายย่อย จะมีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากกว่า ทำให้ฐานของตลาดน่าจะอิงกับมุมมองเศรษฐกิจของคนในประเทศเป็นหลัก

 

ดังนั้น มองว่าการขายของนักลงทุนต่างชาติในไทยมีความเป็นไปได้ แต่ก็จะไม่รุนแรงมากแล้ว และจะไม่มากเท่าปี 2013 ที่ตลาดปรับฐานถึง -18 ถึง -25%

ฝ่ายวิจัยมองว่า ถ้าต่างชาติจะยังขายต่ออีกเพราะประเด็น QE Tapering ส่งผลให้ SET Index อาจจะลงได้ราวๆ 10% ...

 

สรุปแล้วนักลงทุนไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องของสถานการณ์ FED ในการปรับลด QE มากจนเกินไป แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีประเด็นอะไรเลย เพราะเราต้องไม่ลืมว่าตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันนักลงทุนรายย่อยและกองทุนไทยมีบทบาทมากขึ้น ดังนั้นเราจะต้องติดตามประเด็นเศรษฐกิจของไทยอย่างใกล้ชิดต่อไปครับ

-----------------------

ขอบคุณแหล่งข้อมูล
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์โนมูระ


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง