การเติบโตไตรมาส 3 ปี 2564 ยังคงไม่ดีมากเท่าไรนักจากผลกระทบการระบาด COVID-19 สายพันธุ์เดลตาทั่วโลกรวมถึงไทยทำให้หลายภาคเศรษฐกิจหลักของไทยมีการหดตัว โดยคิดเป็น -0.3%YOY และ -1.1%QOQ ถึงแม้ว่าจะได้ภาคการส่งออกสินค้าและบริการจะขยายตัวได้ดีเมื่อเทียบ YOY แต่ถ้าเทียบกับไตรมาส 2 ในปีเดียวกันนั้นหดตัวลงอย่างชัดเจน ตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวจากการระบาดทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นมากในช่วงต้นไตรมาส 3

ส่วนภาคเศรษฐกิจในประเทศ พบว่าการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนยังหดตัวต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน สะท้อนภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ยังเปราะบางและซบเซา
... ในส่วนของด้านการผลิต พบว่าภาคเกษตรขยายตัวได้ดี แต่ภาคเศรษฐกิจสำคัญอื่น ๆ ปรับลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า ได้แก่ การผลิตอุตสาหกรรม การก่อสร้าง และสาขาที่พักและร้านอาหาร

แล้วไตรมาส 4 มองรวมไปจนถึงปีหน้าเศรษฐกิจไทยจะ Growth ได้ต่ออีกไหม ?
บทวิเคราะห์ของ SCB EIC แสดงความเห็นว่าเศรษฐกิจจะทยอยฟื้นตัวตามสถานการณ์การระบาดที่ปรับดีขึ้นต่อเนื่อง การผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรค และจำนวนผู้ได้รับวัคซีนที่มีมากขึ้น ซึ่งทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหลายประเภทกลับมาดำเนินการได้อีกครั้ง

ส่วนในปี 2022 EIC คาดเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวในอัตราเร่งขึ้นจากปีนี้ ตามการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในและนอกประเทศ เริ่มจากการส่งออกสินค้ายังมีแนวโน้มขยายตัวตามทิศทางเศรษฐกิจโลก ขณะที่อัตราการฉีดวัคซีนทั่วโลกที่จะเพิ่มขึ้น ก็จะส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว รวมถึงการฟื้นตัวของการใช้จ่ายในประเทศ
... อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวจะเป็นไปอย่างช้า ๆ จากระดับนักท่องเที่ยวที่ยังต่ำกว่าช่วงปกติมาก และผลของแผลเป็นเศรษฐกิจที่ลึกจากผลกระทบในช่วงสองปีที่ผ่านมาทั้งในด้านพลวัตการเปิดปิดกิจการที่ปรับแย่ลง ตลาดแรงงานที่เปราะบาง และภาระหนี้ที่อยู่ในระดับสูง

ปัจจัยเสี่ยงที่ยังต้องจับตาประกอบไปด้วย 5 ประเด็นหลัก คือ
1. การระบาด COVID-19 ทั้งในไทยและต่างประเทศที่อาจกลับมารุนแรงอีกครั้ง โดยเฉพาะหากมีการกลายพันธุ์ของไวรัสที่ลดประสิทธิภาพวัคซีนลง

2. ผลของแผลเป็นเศรษฐกิจที่อาจมีมากกว่าคาด จนกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ในวงกว้าง

3. การเร่งตัวของอัตราเงินเฟ้อตามราคาพลังงานที่ปรับสูงขึ้นมาก ซึ่งอาจมีความรุนแรงหรือยืดเยื้อมากกว่าคาด จนกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

4. เศรษฐกิจจีนที่มีความเสี่ยงจากวิกฤติพลังงานและภาคอสังหาริมทรัพย์

5. ปัญหาความไม่สงบทางการเมือง

โดยสรุปแล้วการเติบโตไตรมาส 4 ของปี 2564 จะเติบโตได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นระดับ 0.7% เมื่อเทียบกับ YOY
สำหรับปี 2565 ฝ่ายวิจัยคาดว่าไทยน่าจะโตได้ราวๆ 3.4%  แต่เป็นเพียงสมมุติฐานเท่านั้นซึ่งความเป็นจริงเศรษฐกิจไทยอาจจะได้รับแรงหนุนจากเศรษฐกิจโลกทำให้ฟื้นตัวได้เร็วกว่าที่คาด ส่งผลให้ปี 2564 ยังคงมีโมเม้นตัมจากปี 2564 ได้อยู่

สามารถอ่านงานฉบับเต็มได้ที่นี้ครับ : https://www.scbeic.com/th/detail/file/product/7932/g49cv97xgy/EIC-Flash_GDP_Q3_21_TH_20211115.pdf