เปิดผลประกอบการ OR ออกมาก็รู้สึกไม่ดีเท่าไร เพราะเห็นผลประกอบการรอบ 3 เดือนลดลงกว่าครึ่ง จาก Q3/63 ทำได้ราวๆ 3.45 พันล้านบาท พอมา Q3/64 เหลือเพียง 1.89 พันล้านบาท หรือลดลงกว่า 45%
มีประเด็นอะไรสำคัญจากผลประกอบการรอบนี้บ้าง สรุปให้ฟังครับ
1. แย่ลงทั้งธุรกิจน้ำมัน (สัดส่วนรายได้ 75%) และธุรกิจ Non-Oil (สัดส่วนรายได้ 20%)
2. ธุรกิจน้ำมันลดลงทั้งราคาขาย และปริมาณขาย รายงานให้ความเห็นว่าเนื่องจากรัฐบาลยกระดับการ Lockdown และออกมาตรการจำกัดช่วงเวลาในการเดินทาง ทำให้ปริมาณขายลดลง
3. บริษัทมีกำไรพิเศษจาก Stock gain ราว 3 พันล้านบาท และรายจ่ายพิเศษเป็นเงินอุดหนุนให้แก่ผู้แทนจำหน่ายบริการน้ำมันประมาณ 108 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผลกระทบจาก COVID-19
4. บริษัทขยายสถานีบริการน้ำมันเพิ่มอีก 15 สถานี รวมมีอยู่ 2,042 สถานี
5. ธุรกิจ Non-Oil ลดลงตามการบริโภคที่ยังไม่ฟื้นตัว และยังได้รับผลกระทบจากการปิดร้านในช่วงโควิดอีกด้วย
6. บริษัทชี้แจงว่าปริมาณขายกาแฟคาเฟ่อเมซอลลดลงประมาณ 3% มาอยู่ที่ 68 ล้านแก้ว
7. แต่ภาพรวมบริษัทมีการเปิดร้านคาเฟ่อเมซอลเพิ่ม 60 สาขา
ร้านไก่ทอดเท็กซัสชิกเก้นเพิ่ม 6 สาขา
ร้านสะดวกซื้อเพิ่มอีก 23 สาขา
8. ธุรกิจต่างประเทศ (สัดส่วนรายได้ 5%) มีกำไรเพิ่มขึ้นประมาณ 13% โดยหลักมาจากประเทศกัมพูชาทั้งการขายน้ำมันเพิ่มขึ้นและแรงหนุนจากธุรกิจ Non-Oil โดยเฉพาะคาเฟ่อเมซอล
9. บริษัทมีการเปิดสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้นในต่างประเทศเพิ่มอีก 6 สถานี รวมมีอยู่ 346 สถานี
มีการเปิดร้านคาเฟ่อเมซอลในต่างประเทศเพิ่มอีก 7 สาขา รวมมีอยู่ 284 สาขา ทำให้ปริมาณขายกาแฟเพิ่มขึ้นราวๆ 12% มาอยู่ที่ 3.8 ล้านแก้ว
10. ภาพรวมรายได้ลดลง ในขณะที่รายจ่ายเพิ่มขึ้นแต่ไม่มาก อย่าง SG&A เพิ่มขึ้นมา 3% ถือว่าไม่มาก โดยรวมเสียไปกับค่าโฆษณา และค่าใช้จ่ายในการทำโปรโมชั่น
11. บริษัทมีขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ 149.4 ล้านบาท
แต่บริษัทมีกำไรพิเศษจากค่าเงิน 234.4 ล้านบาท
โดยภาพรวมผลประกอบการของ OR ลดลง แต่ก็ไม่ได้น่าตกใจมาก และคิดว่าน่าจะรับรู้ไปในราคาหุ้นที่ลงมาเยอะพอสมควรแล้ว ต่อจากนี้ภาพของ OR จะเป็นอย่างไร สรุปมาจากบทวิเคราะห์ได้แบบนี้ครับ
บล.เอเชียพลัส วิเคราะห์ว่า กำไรในไตรมาส 4 ของ OR จะกลับมาฟื้นตัวได้จากเรื่องของการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น และสถานการณ์ COVID ที่คลี่ลาย จะช่วยหนุนให้การใช้น้ำมันทั้งในประเทศและต่างประเทศเติบโต ประกอบกับธุรกิจ Non-oil จะมีการฟื้นตัวจากแรงหนุนการบริโภคที่เพิ่มขึ้นด้วยนั้นเอง
... มองว่าราคาหุ้นที่ปรับฐานมีความน่าสนใจ แนะนำทยอยสะสมเข้าลงทุน
บล. หยวนต้า มองว่า เราจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวของ OR ได้ในไตรมาส 4 ที่จะถึงนี้ แต่เป็นการฟื้นตัวอย่างจำกัดจากการแทรกแซงราคาน้ำมันจากทางภาครัฐช่วงเดือนตุลาคม โดยการจำกัดค่าการตลาดน้ำมันดีเซล จะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับลดลง
หากมองในปีหน้า ทิศทางของผลประกอบการจะเติบโตขึ้นจากสถานการณ์โควิดที่คลี่ตลาย และการบริโภคที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะร้านกาแฟาอเมซอลจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ถ้าให้พิจารณาจากราคาหุ้น คิดว่าตรงนี้คือ Fully Valued ของหุ้น OR และการแทรกแซงราคาน้ำมันจะเป็น Dowside กดดันผลประกอบการไตรมาส 4 ที่จะถึงนี้
ถึงแม้ว่าผลประกอบการไตรมาส 3 จะออกมา "ทรงๆ" ไม่ได้แย่อะไรมาก
อีกทั้งภาพของไตรมาส 4 จะเห็นการฟื้นตัวทั้งธุรกิจน้ำมันและธุรกิจ Non-oil โดยเฉพาะธุรกิจร้านกาแฟที่ทำให้บริษัทเติบโตได้ในอนาคตไปจนถึงภาพในปี 2565
แต่สิ่งที่นักลงทุนจะมองข้ามไม่ได้เลย คือการแทรกแซงราคาจากภาครัฐ จะเป็น Downside Risk ต่อผลประกอบการของ OR ที่จะมาถึงนี้ได้
-----------------------
ขอบคุณแหล่งข้อมูล
https://www.set.or.th/set/newsdetails.do?newsId=16364150483211&language=th&country=TH
https://www.set.or.th/set/pdfnews.do?newsId=16364150477621&sequence=2021119671
https://inv4.asiaplus.co.th/asps/research_file.php?id=59510&file=1
https://portal.settrade.com/settrade/iaaConsensus/analystConsensus/190923