#วางแผนการเงิน

ลงทุนเพื่อการลดหย่อนภาษี

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
113 views

ใกล้จะสิ้นปี 2564 แล้ว เหลืออีก 2 เดือนเท่านั้นก็จะขึ้นปีใหม่
หน้าที่ของคนไทยอย่างหนึ่งที่ต้องจัดการ คือ "จ่ายภาษี"

การจ่ายภาษีเป็นเรื่องแน่นอน ทุกคนต้องจ่ายภาษีให้กับภาครัฐ แต่เรื่องของการวางแผนภาษีและการหาวิธี "ลดหย่อน" เป็นเรื่องที่ต้องวางแผน
รู้หรือไม่ว่า คนทั่วไปสามารถลงทุนไปด้วย และลดหย่อนภาษีไปด้วย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเกี่ยวข้องกับ 2 ผลิตภัณฑ์ คือ กองทุนและการทำประกันชีวิต

กองทุนที่ว่าเป็นกองทุนรวมที่เราสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้มีด้วยกัน 2 ประเภท คือ
1. กองทุนรวมเพื่อการออม SSF หรือ Super Savings Fund
เป็นกองทุนเพื่อส่งเสริมการออมในระยะยาวของบุคคลทั่วไป เพื่อใช้ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี แต่ต้องไม่เกิน 200,000 บาท ที่สำคัญคือเราจะต้องถือครองกองทุนนี้เป็นระยะเวลา 10 ปีปฏิทิน ** ห้ามขาย

สำหรับผู้ที่ลงทุนตั้งแต่ปี 2563-2567 หลังจากนั้นจะถูกประเมินและทบทวนอีกครั้งโดยกระทรวงการคลัง ส่วนเงื่อนไขการลงทุน ปีไหนซื้อปีนั้นได้ลดหย่อน และไม่จำเป็นต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้เมื่อลงทุนครบ 10 ปี ปฏิทิน  


2. กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ RMF หรือ Retirement Mutual Fund
ถ้าเราคิดว่า SSF เป็นการถือครองที่ยาวนานแล้ว RMF เราจะต้องถือครองที่ยาวนานกว่าขึ้นอยู่กับช่วงอายุของการซื้อกองทุนนี้ โดยเราสามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้เมื่ออายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และถือครองไม่ต่ำกว่า 5 ปีเต็ม

จริงๆแล้วกองทุน RMF เป็นกองทุนเพื่อส่งเสริมการออม สำหรับเป็นเงินออมที่รองรับชีวิตหลังเกษียณ โดยได้มีการปรับหลักเกณฑ์ใหม่ มีผลตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป ให้สามารถซื้อกองทุน RMF เพื่อใช้สิทธิในการลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี แต่ไม่เกิน 500,000 บาท  โดยไม่มีการกำหนดขั้นต่ำในการลงทุน ให้เป็นไปตามที่แต่ละกองทุนกำหนด แต่เงื่อนไขการลงทุนต่อเนื่องทุกปี และเว้นได้ไม่เกิน 1 ปีติดต่อกัน


ดูเหมือนว่าการเลือกซื้อกองทุนรวมจะเป็นวิธีที่ยาก บางคนไม่สามารถรับความเสี่ยงในการลงทุนจึงเลือกที่จะไปทำประกันชีวิตมากกว่า โดยหลักๆแล้วประกันชีวิต จะมี 2 ประเภทหลักๆ ที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี คือ
3. ประกันชีวิตทั่วไป
แบบประกันชีวิตที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีประจำปีได้นั้นต้องเป็นแบบประกันที่มีระยะเวลาคุ้มครองชีวิตตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป เราสามารถนำเบี้ยประกันภัยที่ชำระมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท โดยนับรวมเบี้ยประกันภัยในส่วนสัญญาเพิ่มเติมสุขภาพ (ถ้ามี) ได้สูงสุด 25,000 บาท (เริ่มตั้งแต่ปีภาษี 2563)

4. ประกันชีวิตแบบบำนาญ
ประกันชีวิตแบบนี้มอบความคุ้มครองชีวิตและมอบเงินคืนเป็นงวดๆ หลังจากที่เราเกษียณไปแล้ว เราสามารถนำเบี้ยประกันภัยที่ชำระมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 15% ของรายได้ทั้งปี แต่ต้องไม่เกิน 200,000 บาท

อย่างไรก็ตาม การเลือกซื้อประกันโดยหลักแล้วคือ เพื่อการคุ้มครองชีวิต นี้เป็นปัยจัยแรกในการเลือกซื้อประกันชีวิต ไม่ควรเลือกซื้อเพราะคิดว่าจะได้ลดหย่อนภาษีอย่างเดียว เรื่องของภาษีเป็นเรื่องของผลพลอยได้มากกว่า
และที่สำคัญ ในการจ่ายเบี้ยประกันเมื่อครบกำหนดชำระ ต้องไม่เป็นภาระกระทบกับค่าใช้จ่ายของเรามากจนเกินไปครับ


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง