รู้หรือไม่ว่า โลกของเราพึ่งผ่านพ้นการประชุมสุดยอดว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ COP26 ขององค์การสหประชาชาติ (UN) ที่เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์
... เชื่อว่าประเด็นนี้ มีคนจำนวนไม่น้อยที่รู้ข่าวจากประเด็นเรื่องของการแซวกันในโลกออนไลน์ แต่ไม่ได้รู้ว่าเขาพูดถึงประเด็นอะไรกันบ้าง
แล้วเรื่องของการประชุมครั้งนี้ เราจะสามารถนำมาปรับใช้กับการลงทุนกันได้อย่างไร จะเล่าให้ฟังแบบนี้ครับ
เป้าหมายของ COP26 มีอยู่ 2 ประเด็นด้วยกันหลักๆคือ
1. การป้องกันไม่ให้อุณหภูมิโลกเพิ่มเกิน 1.5 องศาเซลเซียส จากระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม ในยุค 1850
2. ทั่วโลกต้องแน่ใจได้ว่าจะไม่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มอีก และจะลดลงให้เหลือ 0 ภายในศตวรรษที่ 20
นอกจากการพยายามปรับโครงสร้างเรื่องสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังมีเรื่องของการยุติในเรื่องของการตัดไม้ทำลายป่า
... เมื่อวันที่ 2 พฤษจิกายนที่ผ่านมา มี 124 ประเทศที่ได้ร่วมลงนามในคำปฏิญาณยุติการตัดไม้ทำลายป่า และอีก 28 ประเทศที่มุ่งมั่นให้คำสัญญาว่าจะยกเลิกการค้าขายอาหารและผลิตภัณฑ์เกษตรที่มาจากการตัดไม้ทำลายป่า รวมถึงบริษัทการเงินรายใหญ่ที่สุดของโลกกว่า 30 แห่งให้สัญญาว่าจะไม่ลงทุนและไม่สนับสนุนการลงทุนในกิจการของบริษัทที่ไปเกี่ยวข้องกับการตัดไม้ทำลายป่า รวมถึงการทำลายสิ่งแวดล้อม
การประชุมที่ผ่านมามีหลายประเทศได้กำหนดเป้าหมายในการรักษาสิ่งแวดล้อม เช่น
>>> ประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนออกมามากที่สุด ตั้งเป้าว่าจะผลิตไฟฟ้าที่ไม่พึ่งพาพลังงานน้ำมันและถ่านหิน รวมถึงจะลดให้เหลือ 0 ก่อนปี 2060
>>> ประเทศสหรัฐอเมริกา ตั้งเป้าว่าจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงครึ่งหนึ่งภายในปี 2030
>>> ประเทศอังกฤษ ตั้งเป้าว่าจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงให้เหลือ 0 ภายในปี 2050
>>> ประเทศอินเดีย ตั้งเป้าว่าจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงให้เหลือ 0 ภายในปี 2070
>>> ประเทศไทย ตั้งเป้าว่าจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงให้เหลือ 0 ภายในปี 2065
สถาบันจากดีบีเอส ให้ความเห็นว่าเป้าหมายการประชุม COP26 ที่ต้องการไม่ให้อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นเกินกว่า 1.5 องศสเซลเซียนจากระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม ซึ่งปัจจุบันเพิ่มขึ้นมาแล้ว 1.09 องศา นำไปสู่การพยายามลดการใช้ถ่านหิน น้ำมัน เร่งเปลี่ยนไปใช้พลังงานสะอาดให้มากขึ้น รวมถึงการใช้รถยนต์ไฟฟ้า มองเป็นธีมการงทุนที่น่าสนใจ โดยแบ่งเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์ และเสียประโยชน์แบบนี้ครับ
กลุ่มธุรกิจที่ได้ประโยชน์
หลักๆเลยคือธุรกิจไฟฟ้าพลังงานทางเลือก เช่นพลังงานน้ำ พลังงานโซล่าร์ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแบตเตอร์รี่และยานยนต์ไฟฟ้าก็จะได้รับประโยชน์ส่งผลให้ธุรกิจประเภทชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้กับนถยนต์ไฟฟ้าจะสูงขึ้นตามไปด้วย และที่จะตามมาคือธุรกิจให้บริการชาร์จแบตเตอร์รี่ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
กลุ่มธุรกิจที่เสียประโยชน์
หลักๆ คือ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ "ถ่านหิน" เพราะเป้าหมายของประเทศต่างๆคือลดการใช้ถ่านหิน
ธุรกิจน้ำมันก็จะลดลงตามปริมาณการใช้ เพราะคนหันมาใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันและปิโตรเคมี สถานีบริการน้ำมันค้าปลีก ถือเป็นกลุ่มที่เสียประโยชน์ในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม เรื่องของ COP26 นี้เป็นเรื่องของระยะยาวมากๆ ซึ่งเรื่องของการรักษาสิ่งแวดล้อมแล้วนั้นเราต้องวางแผนระยะยาวเป็นเรื่องที่ถูกต้อง
แต่สำหรับเรื่องของการลงทุนนั้น ธีม COP26 อาจจะดู "ยาว" มากจนเกินไป แต่ถ้าจังหวะที่หุ้นกลุ่มนี้ลงมาแรง ถือเป็นอีกธีมหนึ่งที่เราจะมองข้ามไม่ได้เลย
-------------------------
ขอบคุณแหล่งข้อมูล
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3026891
https://portal.settrade.com/brokerpage/IPO/Research/upload/2000000424149/Need%20to%20Know-211108.pdf