เราเคยสงสัยไหมว่า ทำไมหุ้นที่ใครๆบอกว่า "แพง"
แต่มันก็วิ่งขึ้นได้อีกเรื่อยๆ แพงแล้วยังมี "แพงกว่า"
หุ้นที่โครตจะถูก ปันผล 5% P/E ไม่ถึง 10 กำไรสม่ำเสมอด้วยนะ
อย่างเช่นกลุ่มแบงก์แบบนี้ ก่อนจะเปลี่ยน SCBX ราคากลุ่มแบงก์ถูกมากๆ ไม่มีใครสนใจเลย
ถ้าไปบอกใครว่า "ผมซื้อหุ้นแบงก์" คนอื่นคงจะคิดว่าเราเล่นหุ้นเป็นหรือเปล่า
นั้นสิ! ทำไมหุ้นแพงแล้วถึงแพงได้อีก หุ้นถูกแล้วก็ถูกไปเรื่อยๆ
ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของ "กราฟเทคนิเคิล" มีแรงเก็งกำไรเข้ามา แต่ถ้าจะให้วิเคราะห์ประเด็น น่าจะคิดออกมาได้ 7 ข้อ แบบนี้ครับ
1. หุ้นไม่เคยหยุดขึ้น แค่มันแพง
ธรรมชาติของหุ้นแพง คือ มันอยู่ในขาขึ้น
... ยิ่งปลายๆรอบ มันจะยิ่งแพงแล้วแพงอีก สะบัด ผันผวนแล้วขึ้นต่อไปอีก
ถ้าจะเชียร์แล้วให้กำไรเร็วๆ ก็คือหุ้นแพงนี่แหละ
แต่ประเด็น คือ มันเหมือนเก้าอี้ดนตรี คนลุกช้าสุดจ่ายรอบวง ... ออกให้ทันนะ ถ้าไม่ทันก็ต้องจ่ายรอบวงกันไป
2. หุ้นถูก ไม่เคยหยุดลง เพราะแค่มันถูก
ธรรมชาติของหุ้นถูก คือ มันอยู่ในขาลง ยังไงละ ใครๆก็ไม่สนใจ ใครๆก็ขายทิ้ง
หลายคนเจอประสบการณ์ หาหุ้นถูก ซื้อเต็ม แล้วมันก็ลงต่อ มันทำให้เราคิดว่าเรามองอะไรผิดหรือเปล่า ... เริ่มไม่แน่ใจ ?
สุดท้ายก็ขายทิ้ง ไปเล่นหุ้นตลาดที่วิ่งเร็วๆดีกว่า ปรากฏว่าหุ้นที่ถูกๆที่เราขายไป วิ่งขึ้นไป 200% .... เจ็บใจไหมละ !!
ประเด็นคือ ไม่มีใครรู้ว่าจุดต่ำสุดอยู่ตรงไหน เราอดทนกับมันได้หรือเปล่า เราอยู่เฉยๆเป็นไหม
บางทีการอยู่เฉยๆก็ไม่ได้แย่ซะทีเดียว
3. ถูก/แพง มันเป็นความรู้สึก มันเป็น Feeling ส่วนตัว
สถานการณ์จริง หุ้นเทคโนโลยี P/E 50 เท่า ถ้าไปถามผู้จัดการกองทุนดังๆเช่น เคธี่ วูดส์ เขาจะตอบว่า มันไม่แพงเลยเพราะการเติบโตมันไปได้อีกเยอะ ถ้าไปถามนักลงทุนที่เขาค่อนข้างอนุรักษ์นิยมหน่อย (เช่น บัฟเฟตต์) เขาจะบอกว่าหุ้นแพงๆทำใจซื้อไม่ลง เขาพร้อมนั่งทับเงินสดแล้วรอเวลาที่จะหาหุ้นดีๆเข้าซื้อดีกว่า
เห็นไหม ... หุ้นตัวเดียวกัน แต่มองต่างมุมกัน ความถูกแพงเป็นแค่ความรู้สึก
ถ้าคนที่มองว่ามันแพง เขาก็ขาย
คนที่มองว่ามันถูก เขาก็ซื้อ แค่นั้น
4. สิ่งสำคัญคือ เมื่อคนส่วนใหญ่สนใจในสินทรัพย์ใด คือสัญญาณว่าจบรอบแล้ว
มันเป็นเรื่องจริงที่ไม่ต้องพิสูจน์ เพราะประวัติศาสตร์มันเป็นแบบนั้นเสมอ
อะไรก็ตามที่คนส่วนใหญ่สนใจ เข้าซื้อ เข้าลงทุน แสดงว่าขาขึ้นครั้งใหญ่ มันจบแล้ว ไปต่อได้อีกไม่ไกล เพียงแต่ไม่มีใครรุ้ว่าเมื่อไรเท่านั้นเอง
เช่นกระแสตื่นทองทางฝั่งตะวันตกของอเมริกา สุดท้ายทุกคนไปขุด ... เจ๊งหมด รวยอยู่คนเดียวคือคนขายกางเกงยีนส์
กระแสดอกทิวลิป ซื้อขายดอกไม้กันอย่างบ้าคลั่ง สุดท้ายดอกไม้ก็คือดอกไม้ มันไม่ควรจะมีมูลค่าสูงขนาดนั้น
กระแสอสังหา วิกฤตซับพลาม วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ต้มยำกุ้ง ฟองสบู่หุ้นญี่ปุ่น วิกฤตหุ้นจีน การลดลงอย่างมากของราคาทองคำ กระแสราคาน้ำมันพุ่งสูง - ตกต่ำ จะเห็นได้ว่าช่วงท้ายๆของรอบมีแต่คนเข้ามาลงทุน เต็มไปด้วยคนส่วนใหญ่
5. โอกาสครั้งใหญ่ มาพร้อมสิ่งที่มองไม่ชัด ดูเสี่ยง ดูไม่แน่นอน
อะไรที่ดูไม่ชัดเจน ขมุกขมัว แต่ถ้าเราศึกษาแล้วมันใช่ คนอื่นกำลังไม่สนใจ กำลังวิ่งหนี แสดงว่าเรากำลังเจอโอกาสครั้งใหญ่แล้ว
ประเด็นคือความแตกต่างระหว่างโอกาส กับหายนะ คืออะไร
โอกาส วางอยู่บน Calculate Risk ... ความเสี่ยงที่มีการประเมินไว้แล้ว
การพนัน วางอยู่บน Non-calculate risk การเดาสุ่ม
6. กำไรรอบใหญ่ มาจากขาลงรอบใหญ่
ธรรมชาติของการขึ้น ต้องมีการลงก่อน
อะไรที่ลงรอบใหญ่ ซึมลงนานๆ ถ้าของมันดีจริง มันจะกลับมาได้และกลายมาเป็นขาขึ้นครั้งใหญ่
ไม่มีสินทรัพย์ไหนที่จะขึ้นได้ตลอดไป แบบไม่มีวันลง
เช่นเดียวกัน ไม่มีสินทรัพย์ไหนที่จะลงตลอดไป แบบไม่มีวันขึ้น
สินทรัพย์ทุกชนิด ล้วนมีวันของมัน ...
7. ขึ้นบันได ลงลิฟท์ แต่เวลาขึ้นจะยาวนานกว่าขาลงเสมอ
เราต้องเคยได้ยินว่าเวลาหุ้นขึ้น มันเหมือนขึ้นบันได ขึ้น ลง พักฐานแล้วขึ้นต่อ มันใช้เวลานาน แต่เทรนของการขึ้นมันยาวนานกว่า
เช่นเดียวกัน เวลาหุ้นลง เหมือนลงลิฟท์ ตูมเดียว! จบ ใช้เวลาไม่นาน เทรนของการลงมันสั้นกว่า แต่ลงแรงและเร็วกว่า
นั้นจึงเป็นที่มา "ทนรวย" ในขาขึ้นเป็นเรื่องยาก เพราะมันจะบอกให้เราขาย รีบรับรู้กำไร เราจะได้มีความสุข
เวลาขาดทุน เป็นทุกข์ เราเลยถือไว้ก่อนเพราะไม่ยากเจ็บปวด
นี้เป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้ ปรับตัว ฝึกจิตสใจกันต่อไปลองทำความเข้าใจสิ่งที่เราลงทุนครับ
เราจะเรียนรู้ที่จะรวย และอยู่กับมันได้