#แนวคิดด้านการลงทุน

อย่าลืม เหตุผลตั้งต้นในการซื้อหุ้น

โดย Stock Vitamins - วิตามินหุ้น
เผยแพร่:
106 views

ซื้อหุ้นยานแม่ เพราะชอบในวิสัยทัศน์ผู้บริหาร มียานลูกนักสิบลำขับเคลื่อนธุรกิจ อีก 5 ปี คาดหวัง  Market Cap 1 ล้านล้านบาท แต่พอซื้อไป 5 วัน เห็นตัวแดงในพอร์ต ทนไม่ไหวขายทิ้งดีกว่า

 

ซื้อหุ้นท่องเที่ยว ร้านอาหาร กะจะเก็งกำไรธีมเปิดเมือง แต่ซื้อช้ากว่าคนอื่น ซื้อได้ที่ดอย พอร์ตติดตัวแดง ทีแรกกะถือ 5 วัน บอกตัวเองไม่เป็นไร ถือยาว 5 เดือน รอนักท่องเที่ยวมาละกัน เดี๋ยวงบดีเอง

 

ใครเคยเป็นแบบนี้บ้างครับ ตั้งใจซื้อลงทุนถือยาว แต่พอซื้อแล้วราคาหุ้นลง ทำใจไม่ได้ ตัดใจขายทิ้ง 

 

หรือตั้งใจซื้อเก็งกำไร แต่ซื้อแพงเกินไป ราคาหุ้นลง เลยทนถือต่อไปเรื่อยๆ ผ่านมาหลายเดือนก็ยังไม่ได้ขาย 

 

สาเหตุสำคัญก็คือ เราปล่อยให้ราคานำความคิด เลยพลอยลืมเหตุผลตอนแรกในการซื้อหุ้นไป 

 

วันนี้วิตามินหุ้นจะมาสรุปเรื่องราวเหล่านี้ให้อ่านกันครับ

 

  1. ซื้อลงทุนด้วยเหตุผล แต่ขายขาดทุนเพราะอารมณ์

ย้อนกลับไปตอนแรกก่อนที่เราจะซื้อหุ้นตัวนี้ เป็นเพราะเหตุผลใด เราตื่นเต้นที่อยากเป็นเจ้าของกิจการนี้เพราะอะไร เราชอบในวิสัยทัศน์ ในแผนกลยุทธ์ของเขาใช่หรือเปล่า และเรามองภาพอนาคต 3 ปี 5 ปี ข้างหน้า ถ้ายานแม่ทำได้ตามแผน ถ้า Leasing เปิดสาขาได้ตามเป้า ถ้าบริษัทขยายกิจการไปต่างประเทศได้สำเร็จ ผลประกอบการก็จะออกมาตามที่หวัง

 

เราซื้อเพราะเราจินตนาการถึงอนาคตที่สดใสแบบนี้ แล้วทำไมเวลาผ่านไปไม่กี่สัปดาห์ ไม่กี่เดือน ราคาลงมา เราเห็นตัวแดง เราถึงร้อนรนกระวนกระวาย เราต้องถามตัวเองว่า แผนการเขาเปลี่ยนไปมั้ย สถานการณ์เปลี่ยนไปหรือเปล่า มีอะไรที่แตกต่างจากตอนที่เราซื้อมั้ย ถ้าทุกอย่างเป็นปกติ และกำลังดำเนินไปได้ด้วยดีตามแผนงานของบริษัท หน้าที่เราคือคอยติดตามผลงานไปเรื่อยๆ เท่านั้นพอ ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผน เดี๋ยวราคาหุ้นก็น่าจะขึ้นเอง

 

อย่าหวังว่าราคาจะขึ้นใน 5 วัน ถ้าเราหวังจะเห็นผลลัพธ์ใน 5 ปี

 

  1. ซื้อเก็งกำไร แต่หุ้นลง ถือยาวก็ได้

สถานการณ์ตรงข้ามกับข้อแรก เราตั้งใจมาเก็งกำไร ไม่กี่ช่อง ไม่กี่วัน ตาม sentiment ตลาด ไม่ว่าจะเป็นข่าวเรื่องธีมเปิดเมือง ข่าววัคซีน ข่าวกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ พอเราเห็นข่าวดีปุ๊บ ทุกคนเชียร์ เรารีบซื้อปั๊บ โดยที่ไม่ได้ดูเลยว่า ราคาขึ้นมาแรงหลายวันแล้ว สุดท้ายเราซื้อแพง แล้วหุ้นก็ค่อยๆ ซึมลงๆ หลายคนทยอยขายทำกำไร เราก็ไม่กล้าขายกะว่าเดี๋ยวรอขึ้นมากำไรซัก 1-2 ช่องจะออก สุดท้ายราคาลงต่อ เราก็เลยต้องทนถือ จาก 5 วัน กลายเป็น 5 สัปดาห์ กลายเป็น 5 เดือน ก็ยังรออยู่ และเราบอกว่า เดี๋ยวขอรอดูงบก่อน เผื่อกำไรดี หุ้นอาจจะขึ้นมา

 

ถ้าเราซื้อเพราะเก็งกำไร เราก็ต้องมีจุดที่ยอมแพ้ ตรงไหนคือคัทก็ต้องคัท ไม่ใช่ว่าตอนเข้า ไม่ได้ดูพื้นฐาน แต่พอตอนติดดอย จะขอรอดูงบ แบบนี้ก็ไม่ถูกต้อง เพราะเราไม่ได้งบดูตั้งแต่ต้นทาง บางทีงบอาจจะไม่ดีอยู่แล้วตั้งแต่ต้นก็ได้ แต่ราคาขึ้นด้วย sentiment ด้วยความหวัง และคนอื่นๆ ที่เข้ามาซื้อก็อาจจะเก็งกำไรเหมือนเรา แต่เขาขายออกมาก่อนเรา

 

  1. ซื้อหุ้นที่จุดสูงสุด ที่คนรู้กันทั้งประเทศ

ถุงมือยางกำไรดี โรงพยาบาลตรวจและรักษา COVID กำไรดี หุ้นคอมโมดิตี้หลายตัวกำไรดี ถามเพื่อน อ่านข่าว ดูบทวิเคราะห์ ใครๆ ก็บอกว่า งบไตรมาสหน้าจะดี งบทั้งปีก็จะดี มีโอกาสเป็น All Time High ของบริษัท เราก็เลยมั่นใจจัดเต็ม แต่พอซื้อไปไม่นาน ราคาหุ้นกลับถอยลงๆ ทั้งๆ ที่กำไรก็น่าจะยังดูดี

 

เรื่องนี้ไม่ได้ผิดที่กำไร แต่เป็นเพราะเมื่อคนรู้กันทั้งประเทศ ราคาก็เลยขึ้นไปแรงตั้งแต่ก่อนที่งบจะออก และยิ่งคนคาดการณ์กันถูกด้วยว่างบไตรมาสหน้าจะดีกว่าเดิม ตลาดก็จะยิ่งรับรู้เข้าไปใหญ่ หรือที่เรียกว่า price in ไปหมดแล้ว ถ้าไม่มีเรื่องราวใหม่ๆ มาให้คาดหวังเพิ่มเติม ราคาหุ้นก็น่าขึ้นไปต่อได้ยาก

 

เราอาจจะลืมคิดไปว่า ตอนที่เราซื้อ เพราะเราตื่นเต้นกับกำไร new high แปลว่า ตอนที่เราจะต้องขายก็คือ เมื่อกำไรมันใกล้จะพีค หรือมันเริ่มที่จะแผ่ว หรือคือตอนที่คนเริ่มไม่ตื่นเต้นกับกำไรในอนาคตอีกต่อไป

 

ถ้าเรายังไม่ลืมวันแรกที่รักกัน คบกัน หรือแต่งงานกันด้วยเหตุผลใด

 

ก็จงอย่าลืมวันแรกที่เราอยากซื้อหุ้นตัวนั้น ว่าเป็นเพราะอะไร

 

เมื่อซื้อด้วยเหตุผลใด ก็จงขายเมื่อสิ่งนั้นหมดไป 

 

อย่าลืมเหตุผลตั้งต้นที่เราซื้อหุ้น แล้วเราจะได้ไม่ต้องชอกช้ำใจ


ผู้ชนะแข่งขันโครงการ Stock Writer ของ stock2morrow

https://www.facebook.com/pg/stock.vitamins

Facebook

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง