ช่วงใกล้สิ้นปีมักจะเป็นเวลาของการจัดการภาษี หาการลดหย่อนช่วงโค้งสุดท้าย โดยเฉพาะเรื่องของการค้นหากองทุน SSF และ RMF เพื่อใช้ในการลงทุนด้วยและเป็นการลดหย่อนไปด้วย
แต่ก่อนจะไปถึงเรื่องของการค้นหากองทุน เรามาดูก่อนว่าทั้งสองกองทุนมีประเด็นอะไรที่เราต้องรู้บ้าง
กองทุน SSF
ย่อมาจาก Super Savings Fund เป็นกองทุนน้องใหม่ที่เริ่มต้นใช้เมื่อต้นปี 2563 ซึ่งเป็นการออมระยะยาวและเป็นตัวช่วยในการลดหย่อนภาษี แต่เดิมกองทุนนี้มาแทนกองทุน LTF ที่หมดอายุไปเมื่อปี 2562 สิ่งที่เราต้องรู้คือ
1. กองทุน SSF ลงทุนในสินทรัพย์อะไรก็ได้ ทั้งหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ตราสารหนี้ ทองคำ หรือแม้กระทั่งกองทุนอสังหาริมทรัพย์
2. ซื้อหน่วยลงทุนเพื่อการลดหย่อนภาษีสูงสุดไม่เกิน 30% ของรายได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษีแต่ไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อรวมกับค่าลดหย่อนการออมเพื่อเกษีณอื่นๆ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
3. ต้องถือหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 10 ปี นับจากวันที่ซื้อ
4. ไม่มีขั้่นต่ำในการซื้อ และไม่จำเป็นต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี ซื้อปีไหนให้เอามาลดหย่อนปีนั้น
5. นำค่าซื้อมาหักลดหย่อนภาษีได้ในปี 2563-2567
กองทุน RMF
ย่อมาจาก Retirement Mutual Fund หรือกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ เป็นกองทุนที่ส่งเสริมการออมเงินไว้ใช้จ่ายยามเกษียณอายุ ลักษณะจะคล้ายกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัทเอกชน และกองทุนยำเหน็จบำนาญของข้าราชการ สิ่งที่เราต้องรู้คือ
1. กองทุน RMF ลงทุนในสินทรัพย์อะไรก็ได้ ทั้งหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ตราสารหนี้ ทองคำ หรือแม้กระทั่งกองทุนอสังหาริมทรัพย์
2. ซื้อหน่วยลงทุนเพื่อการลดหย่อนภาษีสูงสุดไม่เกิน 30% ของรายได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษีแต่ไม่เกิน 500,000 บาท และเมื่อรวมกับค่าลดหย่อนการออมเพื่อเกษีณอื่นๆ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
3. ต้องถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปี นับจากวันที่ซื้อครั้งแรก และขายได้ตอนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์
4. ไม่มีขั้่นต่ำในการซื้อ แต่ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี (หรือซื้อปีเว้นปี ก็ได้)
เราสามารถเลือกกองทุนโดยศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ที่เป็นผู้ออกกองทุนนั้นๆ ได้เลย เพื่อให้เรารู้ว่ากองทุนนี้ลงทุนในอะไรบ้าง
และอย่าลืมว่า การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนต้องศึกษาให้เข้าใจก่อนการลงทุนทุกครั้งครับ