โลกการลงทุน มีการแบ่งหุ้นเป็นหลายชนิด
ทั้งแบ่งตามหลักวิชาการ หรือแบ่งตามความสนุกสนานส่วนตัว เช่น หุ้นมีเจ้า กับ หุ้นไม่มีเจ้า ... หุ้นปันผล กับ หุ้นไม่ปันผล ... หุ้นพื้นฐานน่าเบื่อ กับ หุ้นไร้พื้นฐานเล่นเอามัน ฯลฯ
โดยส่วนตัว ผมชอบการแบ่งหุ้นเป็นหกประเภท ตามนิยามของปีเตอร์ ลินช์ที่สุด (จากหนังสือ One Up On Wall Street) ปีเตอร์ ลินช์ แยกประเภท "ชนิดของหุ้น" ออกเป็น 6 ประเภทด้วยกัน คือ 1) หุ้นโตช้า 2) หุ้นแข็งแกร่ง 3) หุ้นโตเร็ว 4) หุ้นวัฏจักร 5) หุ้นฟื้นตัว และ 6) หุ้นทรัพย์สินมาก
ในบรรดาหุ้นทั้ง 6 ประเภทนั้น ประเภทที่ 4) – 6) แม้จะเป็นหุ้นที่มีโอกาสทำกำไรได้อย่างมากมาย แต่ขณะเดียวกัน กลับเป็นหุ้นที่ประเมินยาก และลงทุนได้ยาก
- หุ้นวัฏจักร (Cyclical) ยากด้วยรอบวงจรธุรกิจ และรอบสินค้าโภคภัณฑ์ ที่อ่านยาก ลงทุนผิดจังหวะเวลาอาจหมายถึงหายนะ
- หุ้นฟื้นตัว (Turn Around) หลายครั้งไม่เคยฟื้นตัวได้จริง การฝืนเข้าลงทุนกลายเป็นติดกับ
- หุ้นทรัพย์สินมาก (Asset Play) ในหลายกรณี สินทรัพย์มักกองไว้อย่างนั้น ไม่เคย unlock value ปลดล็อคมูลค่าออกมาไม่ว่าจะเป็นการขายสินทรัพย์ออก การ spin off บริษัทลูก หรือหาพาร์ทเนอร์มาร่วมสร้างมูลค่า ฯลฯ บางบริษัทก็ไม่ทำซักอย่างเดียว
ทั้งสามชนิดจึงจัดเป็นหุ้นที่ลงทุนยาก และในความเห็นส่วนตัว หุ้นที่ลงทุนยากที่สุดสำหรับผม คือ หุ้นวัฏจักร
วัฏฏะ แปลว่า หมุนไป เวียนไป
จักร แปลว่า อาวุธในนิยายรูปเป็นวงกลมแฉกๆ
ดังนั้น วัฏจักร จึงแปลว่า… อะไรที่หมุนเป็นวงจร เป็นรอบๆ ดีแล้วเลว เลวแล้วดี
มันคือ หุ้นที่มีวงจร ช่วงที่ดี มันก็ดีใจหาย ช่วงที่ร้าย มันก็ร้ายเอาตาย มียอดขายและกำไรขึ้นๆลงๆตามวัฏจักรของเศรษฐกิจ หรือตามวัฏจักรราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น เหล็ก ถ่านหิน ปิโตรเคมี น้ำมัน หรือกลุ่มสินค้าเกษตร อย่าง ถัวเหลือง ปาล์ม ยางพารา หรือแม้แต่พวก ค่าระวางเรือ ก็เช่นกัน ราคาตลาดโลก มีผลอย่างมากกับ ผลการดำเนินงานของกิจการ
รอบวงจรแบ่งออกเป็น 4 ช่วง คือ ขยายไม่หยุด ... สู่จุดสุดยอด... คราวเคราะห์ถดถอย... แล้วทยอยฟื้นตัว
ปัญหาคือ การลงทุนหุ้นวัฏจักร มันไม่ง่าย โดยเฉพาะมือใหม่ ที่เข้าตลาดมากว่าครึ่งล้านคนในรอบปีที่ผ่านมา
-> ปัญหาแรก
มือใหม่ไม่รู้ว่า หุ้นวัฏจักร “กำไรมันมาเป็นรอบๆ” ไม่ได้มาตลอดแบบมีเสถียรภาพ
เรามักจะซื้อตอนที่มันดีมากๆ สู่จุดสุดยอด ตอนนั้น มันจะเป็นหุ้นที่เต็มไปด้วยเสียงเชียร์ Most Active Value … Top Gainer… หุ้นแนะนำประจำวัน เมื่อซื้อแล้วมักจะมีช่วงเขียว ให้ชื่นใจทันที แต่ความสุขนี้ แสนสั้น
เมื่อเข้าสู่ช่วงขาลง บางคนก็ยังมีภาพจำตอนราคาสูงๆ ไม่กล้าขายคัท
หรือบางคนซ้ำร้าย ไปถัวเพิ่มตอนที่กำไรกิจการกำลังเป็นขาลง นี่คืออันตรายมาก
-> ปัญหาที่สอง
ตอนซื้อหุ้นวัฏจักรช่วงดี มันจะดูดีไปหมด
P/E มันจะต่ำมากๆ เพราะกำไร (E : Earning) มันอยู่ในช่วงที่ดียิ่งยวด บางตัวพีอี 3-5 เท่า แถมปันผลก็ยังมากเป็นพิเศษ ตรงตามตำราวีไอ มันดูดีมากๆ
แต่จุดที่ดีที่สุดกลับกลาย เป็นอันตรายอย่างที่สุด
เพราะเอาจริงๆ ตำราวีไอบอกว่า “หุ้นวัฏจักร ดูค่าพีอีไม่ได้!!!” เพราะ E หรือ Earning กำไรของกิจการมันเหวี่ยงเกินไป
-> ปัญหาที่สาม
เมื่อมือใหม่ไม่รู้ว่า หุ้นวัฏจักร มันมาเป็นรอบๆ ไม่ได้มาตลอดแบบมีเสถียรภาพ
พอซื้อแล้วเขียว กระทั่งเหลือง ลงมาแดง..แดงขึ้นเรื่อยๆ เหมือนของดีราคาถูก ก็รู้สึกว่า อยากถัวหุ้นเฉลี่ยต้นทุน
ไปถอนเงินสด ถัวหุ้นวัฏจักรขาลง ยิ่งถัวก็ยิ่งลง ยิ่งลงก็ยิ่งเติมเงิน
ตามองสมองคิด “P/E ก็ต่ำ ปันผลก็สูง กลัวที่ไหน เด๋ว All-in เด๋วมาร์จิ้น”
นี่คือการทำผิดซ้ำ กรรมหนัก เพราะการถัวหุ้นขาลง มีกฏ 3 ข้อ
1. อย่าถัวเพื่อกลบเกลื่อนความผิดบาปในใจ จาก -50% เหลือ -20% แล้วรู้สึกดี อย่างงี้ไม่ได้
2. อย่าถัวโดยปราศจากเหตุผลที่ชัดเจนมากๆ กรณีนี้ถัวหุ้นวัฏจักรยิ่งหนักข้อ
3. อย่าถัวโดยไม่มีลิมิต ต่อให้เป็นหุ้นดี ถัวเต็มลิมิตแล้วต้องหยุด ถ้ามันดีจริง เด๋วกลับมาได้เอง
สรุปคือ แม้ข้อดีของหุ้นวัฏจักร ราคาหุ้นสามารถขึ้นได้หลายเท่าในระยะเวลาไม่นาน จะช่วยให้คนที่เข้าใจในรอบของอุตสาหกรรม สร้างผลตอบแทนมหาศาลได้ แต่ข้อเสียของหุ้นกลุ่มนี้ คือ การอ่านรอบนั้นไม่ง่าย และความเป็นวัฏจักรทำให้เราสับสน คือจะดูดีในช่วงเวลาที่พีคไปแล้ว
ถ้านักลงทุนไม่เข้าใจจุดนี้ จะเสียหายจากการลงทุนได้มากมายเช่นกัน