#แนวคิดด้านการลงทุน

ทำใจในยามที่เราขายหมู

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
439 views

หลายครั้งเรามักจะตั้งคำถามว่า
"ทำไม ฉันขายแล้วหุ้นขึ้นต่อ"
"ทำไม ฉันขายแล้วหุ้นไม่ลง" ... แบบนี้เรียกว่าขายหมู

มีมือใหม่เยอะมากที่พอขายแล้ว รับรู้กำไรแล้วดีใจ แต่พอผ่านไปสักพักหุ้นก็วิ่งต่อ ขายหมู แล้วไม่กล้าซื้อคืน ปรากฏว่ารอไปเรื่อยๆหุ้นวิ่งขึ้นรอบใหญ่อีก 50%
... แบบนี้เรียกว่า "เฉียดรวย"

ความยากของตลาดหุ้น คือ จะเล่นกับจิตใจเราตลอด และคนจำนวนมากที่เข้ามาลงทุนในหุ้น หรือเล่นหุ้นได้นั้นไม่ธรรมดา เป็นคนเก่ง คนฉลาดอย่างแน่นอน (เพราะไม่งั้นคงคิดว่าเล่นหุ้นมันยาก ไปเล่นหวยดีกว่า)
... พูดง่ายๆคือ เซียนเจอกับเซียน ในตลาดทุกคนเข้ามาเพื่อกำไร ตลาดจึงเต็มไปด้วย เสือ สิงห์ กระทิง แรด เต็มไปหมด

อย่างแรก คุณต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ไม่มีใครโง่
...ทุกคนที่เข้ามาในตลาดหุ้น มีทั้งเงิน และ ก็มีความฉลาดพอตัวทุกคน


นี้เป็น 5 เหตุผลเพื่อให้เราเข้าใจตลาดหุ้นมากขึ้น หาเหตุผลทำใจในยามที่เราขายหมู มีอะไรบ้างมาดูกัน

1. หุ้นขาขึ้น มันจะขึ้นไปเรื่อยๆ ต่อให้แพงแค่ไหนมันก็จะไม่หยุดขึ้น
หุ้นขึ้นได้เรื่อยๆ ต่อให้แพงแค่ไหนมันก็จะขึ้นเพราะคนจะมองว่ามันเติบโต มันมี Growth ที่จะดึงให้ราคามันสมเหตุสมผลลงมาเอง


2. ตลาดมีคนซื้อ ก็ต้องมีคนขายเสมอ มันถึงจะ Matching คำสั่งกัน
ตลาดมี 2 ฝั่ง ฝั่งขายคือเรา ... เราเก่งเพราะเราขายได้กำไร
อีกฝั่ง คือ ฝั่งซื้อคือใครก็ไม่รู้ แต่มีอย่างแน่นอน ... เขาซื้อเพราะเขาเห็นอะไร มันต้องมีเหตุผลในการซื้ออยู่แล้ว ทำไมมีคนยอมซื้อแพง ...เขารู้อะไรที่เราไม่รู้รึเปล่า

...การพยายามเข้าใจเหตุผลของคนที่ซื้อ จะช่วยให้เราเข้าใจตลาดหุ้นมากขึ้น
ตรงนี้แหละ ที่ประสบการณ์มีราคาสูงที่สุด ยิ่งมีประสบการณ์เรายิ่งเก่งขึ้นในตลาดหุ้น


3. เงินเฟ้อและดอกเบี้ยที่ตกต่ำ ทำให้สินทรัพย์ราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ
การพิมพ์เงิน ภาวะเงินเฟ้อ ดอกเบี้ยตกต่ำทั่วโลกระยะเวลานาน ราคาที่ไม่ใช่สินทรัพย์จะถูกลงเรื่อยๆ ในขณะที่สินทรัพย์ราคาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกัน

ยกตัวอย่าง เช่น รถยนต์ เมื่อก่อนต้องเป็นคนมีฐานะถึงจะซื้อมาครอบครองได้ แต่เดียวนี้ใครๆก็ซื้อรถได้ ส่วนหนึ่งมาจากรายได้เรามากขึ้น และราคาของพวกนี้มีแต่จะถูกลง
เราซื้อรถมือหนึ่งมา ใช้ไป 10 ปี ไปขายมือสองราคาหายไปมากกว่าครึ่ง
ในขณะที่สินทรัพย์ เช่น ที่ดิน ทองคำ หุ้น ... ของเก่าบางอย่างก็มีค่าเพิ่มขึ้นเหมือนกัน สิ่งเหล่านี้ไม่มีถูกลง แต่จะแพงขึ้นเรื่อยๆ


4. ราคาหุ้นระยะสั้น คือเครื่องลงคะแนน แต่ในระยะยาว มันคือเครื่องชั่งน้ำหนัก
นี้เป็นข้อคิดดังของ เบนจามิน เกรแฮม บิดาของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า โดย
เครื่องลงคะแนน = ตัวชี้วัดความนิยม
เครื่องชั่งน้ำหนัก = ตัวชี้วัดมูลค่าธุรกิจของหุ้น

พูดง่ายๆคือ สิ่งที่กำหนด ราคาหุ้นในระยะสั้นคือ คนซื้อ คนขาย
..แต่สิ่งที่กำหนดราคาในระยะยาว คือ พื้นฐานและอนาคตของกิจการ
การที่เราขายหุ้นอาจจะเพราะราคามันขึ้นมาเยอะแล้ว แต่อย่าลืมว่า คนซื้อจากเรา เขาอาจจะไม่ได้มองแค่ราคาในระยะสั้นเหมือนเรา ...เขาอาจจะมองที่อนาคตของกิจการว่า สามารถโตได้อีกเยอะ
...นั่นก็อาจทำให้เขายอมซื้อแพง ยอมถือนานกว่าเรา เพื่อไปขายแพงกว่าในอนาคตนั่นเอง


5. เงินมีการไหลอยู่ตลอดเวลา คือวิ่งจากผลตอบแทนต่ำไปสู่สิ่งทื่มีผลตอบแทนสูง
พูดง่ายๆ คือ เงินมันต้องมีที่ไป
...วิกฤตเศรษฐกิจโลกในรอบนี้ มีการพิมพ์เงินจากรัฐบาลเยอะมาก โดยเฉพาะอเมริกา ...ซึ่งการอัดเงินจำนวนมหาศาลเข้าระบบ เพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจ มันก็จะส่งผลให้ มูลค่าของเงินลดลงในที่สุด
แปลว่า สุดท้ายค่าครองชีพก็จะสูงขึ้น ของทุกอย่างก็จะแพงขึ้น พร้อมกับราคาสินทรัพย์ก็จะแพงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน


นี้เป็น 5 ข้อไว้ปลอบใจ เวลาเราขายแล้วหุ้นขึ้นต่อ
แต่บางครั้งการรับรู้กำไรระหว่างทางบ้าง ก็ดีเหมือนกัน เพราะตอนที่เราขาย เราจะมีเงินสด
และการถือเงินสด ก็เป็นการเปิดโอกาส "รอบใหม่" ที่เราจะสามารถหาหุ้นตัวใหม่ได้นั้นเอง


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง