โดยปกติพอพูดถึงเรื่องการลงทุนต่างประเทศ เรามักจะให้ความสนใจว่าคนไทยนิยมไปลงทุนประเทศอะไรบ้าง และมีหุ้นอะไรที่น่าสนใจบ้าง
แต่ถ้าเรามองกลับกัน คือ กองทุนต่างประเทศที่เขาสนใจลงทุนในประเทศไทย เขาจะเข้ามาซื้อหุ้นอะไรบ้าง พอร์ตโฟลิโอจะหน้าตาเป็นอย่างไร เลยลองไปค้นข้อมูลมา ขอยกตัวอย่างกองทุน 2 กอง หน้าตาของหุ้นไทยก็จะออกมาประมาณนี้

JP Morgan
สถาบันวาณิชยกิจยักษ์ใหญ่ที่คนไทยรู้จักเป็นอย่างดี กองทุนของสถาบันนี้มีให้เลือกจำนวนมาก ส่วนใหญ่หุ้นไทยจะอยู่ในประเทศ ASEAN Equity Fund, Asia Growth Fund, Asia Pacific Equity Fund, Emerging Market Fund แต่ส่วนใหญ่มักจะไปกระจุกอยู่ใน ASEAN Equity Fund ถ้าเป็นกองประเทศอื่นถือว่าสัดส่วนยังน้อย เพราะกองทุนจะเน้นไปที่ประเทศพัฒนาแล้ว เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่น มากกว่า

ถ้าเราเข้าไปดูกองทุน ASEAN Equity Fund สัดส่วนของหุ้นแต่ละประเทศ โดยมีประเทศไทยเป็นเบอร์ 2 รองลงมาจากสิงคโปร์ สำหรับเวียดนามที่นักลงทุนไทยชอบไปลงทุนถือว่ามีสัดส่วนที่น้อยอยู่ ประมาณ 2.8%

หน้าตาพอร์ตโฟลิโอที่เป็นหุ้นไทยก็จะออกมาประมาณนี้ครับ ...

 

หุ้นที่มีสัดส่วนมากสุด คือ PTT 3.68%
CPALL 2.90%
ADVANC 2.03%
AOT 2.22%
BDMS 1.49%

 

BlackRock
เป็นบริษัทจัดการการลงทุนสัญชาติอเมริกันมีประวัติการก่อตั้งมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่ปี 1988 โดยเริ่มต้นให้บริการด้านจัดการความเสี่ยงและจัดการสินทรัพย์ประเภท Fixed Income ให้กับนักลงทุนสถาบัน
ซึ่ง BlackRock ถือได้ว่าเป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นผู้นำด้านการเติบโตของ ETFs ภายใต้ผลิตภัณฑ์อย่าง iShares

เหมือนกับกองทุนของ JPMorgan คือไม่มีที่เจาะจงลงทุนในหุ้นไทยโดยเฉพาะ ส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะ ASEAN Fund หรือประเภท Asian Growth Fund ถึงจะมีหุ้นไทย แต่อย่างหลังนี้ถือว่าค่อนข้างน้อยไม่ถึง 1%
แต่ถ้าเป็น ASEAN Fund ถือว่าหุ้นไทยมีน้ำหนักค่อนข้างเยอะครับประมาณ 20-25%

กองทุน BlackRock จะมีหุ้นสิงคโปร์มากสุดประมาณ 30% รองลงมาคือ อินโดนีเซียประมาณ 22% และหุ้นไทยประมาณ 20%
หุ้นเวียดนามมีสัดส่วนน้อยมากไม่ถึง 1%

หน้าตาพอร์ตโฟลิโอที่เป็นหุ้นไทยก็จะออกมาประมาณนี้ครับ ...

CPALL มีสัดส่วนมากสุดประมาณ 5%
PTT สัดส่วนประมาณ 4.12%
ThaiBev สัดส่วนประมาณ 2.23% แต่ไทยเบฟลิสต์อยู่ในตลาดสิงคโปร์

นอกจาก 2 กองทุนที่กล่าวมาข้างต้น เราสามารถค้นหาเพิ่มเติมได้จากบริษัทจัดการการลงทุนของค่ายอื่นได้ เช่น Fidelity, UBS, Baillie Gifford, Morgan Stanleyn สถาบันเหล่านี้ก็มีลงทุนในหุ้นไทยเหมือนกัน
การเข้าไปส่องหลายกองทุน ทำให้เราได้ข้อสังเกตที่หลากหลายดีครับ ประมาณนี้

1. ไม่มีกองทุนไหนที่ลงทุนในไทยแบบ 100% เลย ส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะกลุ่มก้อนมากกว่า เช่น Asia Fund หรือ Asean Fund อาจจะเป็นเพราะว่าตลาดหุ้นไทยยังมีขนาดเล็กอยู่มาก ไม่ได้เติบโตสูง เลยไม่มีความจำเป็นต้องเปิดกองเพื่อมาลงทุนในไทยโดยเฉพาะเหมือนอย่างเช่น ประเทศจีนที่มีขนาดใหญ่เพียงพอ เปิดเป็นกองทุนต่างหาก China Focus Fund

 

2. กองทุนมองศักยภาพหุ้นไทยพอๆกับอินโดนีเซีย เลยมีสัดส่วนไม่แตกต่างกันมาก

 

3. กลุ่มหุ้นไทยที่นิยมมาก คือ พลังงานและค้าปลีก กลุ่มแบงก์ไม่ค่อยนิยม
แบงก์ที่นิยมมากสุดถ้ามองด้วยสายตา คือ BBL บางกองทุนที่มีหุ้นไทยน้อยมาก เช่น Emerging Market Fund ประมาณ 0.5-0.7% จะมีเพียง BBL ตัวเดียว ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมกองทุนถึงสนใจ BBL ขนาดนั้น

 

4. หุ้นเวียดนามมีสัดส่วนน้อยมาก ราวๆ 0.5-2% บ่งบอกว่าตลาดหุ้นเวียดนามยังเล็กมากอาจจะไม่คุ้มค่ากับการลงทุน แต่อีกแง่หนึ่งคือยังไม่มั่นใจกับศักยภาพ ถ้าทุกอย่างดีขึ้นแล้วไม่แน่ว่าจะเพิ่มสัดส่วนหุ้นเวียดนามให้มากขึ้น ซึ่งนั้นหมายถึงโอกาสที่หุ้นเวียดนามจะขึ้นได้ต่อมีสูงมาก

 

5. ตลาดหุ้นมาเลเซีย และฟิลิปปินส์ อาจจะยังสู้ศักยภาพตลาดหุ้นไทยไม่ได้ สัดส่วนจะอยู่ราวๆ 7-15%

 

นี้ก็เป็นข้อสังเกตจากการดูกองทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศไทยครับ